ดาต้าเซ็ตเผยชาวโซเชียลรอความชัดเจนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทขณะการเมืองผันผวน

ดาต้าเซ็ตเผยอินไซต์เสียงชาวโซเชียลที่มีต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยเสียงสะท้อนที่ได้ 57% ตั้งคำถามและรอคอยความชัดเจนของนโยบาย ในขณะที่ 26.1% ไม่เชื่อมั่นและกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของนโยบายว่า จะมีโอกาสเดินหน้าต่อหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อนโยบายนี้เป็นผลงานผลักดันของรัฐบาลเพื่อไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือ เรื่องการลงทะเบียน

บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้รวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ dxt:360 เพื่อฟังเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Listening) ในช่วงวันที่ 24 สิงหาคม – 31 สิงหาคม 2568 ถึงประเด็น “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโลกออนไลน์ การใช้เครื่องมือนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมว่าประชาชนพูดถึงนโยบายนี้อย่างไร ใครคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และเผยให้เห็น Insight ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการถกเถียงในสังคม ดังนี้

เสียงสะท้อน “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย”

จากบทสนทนาที่เกิดขึ้นบนสังคมออนไลน์ สามารถจำแนกเสียงสะท้อนของประชาชนออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งแต่ละกลุ่มสะท้อนมุมมอง ความรู้สึก และความคาดหวังต่อ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ในแง่มุมที่แตกต่างกัน

Neutral (57.0%): กลุ่มที่ตั้งคำถามและรอคอยความชัดเจน

กลุ่มนี้เป็นประชาชนส่วนใหญ่บนโลกออนไลน์ที่ยังรอคำตอบและความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” พวกเขายังมีคำถามหลายประเด็น เช่น วันเริ่มใช้งานจริง ความครอบคลุมของเส้นทางที่เข้าร่วมโครงการ และข้อสงสัยในขั้นตอนการลงทะเบียน ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังที่อยากเห็นนโยบายนี้สามารถใช้งานได้จริง ครอบคลุม และเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน

Negative (26.1%): กลุ่มที่ไม่เชื่อมั่น / กังวล

ขณะเดียวกันก็มีเสียงกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของนโยบายว่าจะมีโอกาสเดินหน้าต่อหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อนโยบายนี้เป็นผลงานผลักดันของรัฐบาลเพื่อไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง อีกทั้งยังมีความกังวลเรื่องภาระงบประมาณที่จะต้องชดเชยผู้ให้บริการรถไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดสรรงบฯในด้านอื่น ๆ ของรัฐ รวมถึงคุณภาพการให้บริการ เช่น ความแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือมาตรฐานการให้บริการที่อาจลดลง หากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีการเตรียมความพร้อมรองรับอย่างเหมาะสม

Positive (16.9%): กลุ่มที่สนับสนุนนโยบาย

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์และคำถาม ก็มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนโยบายนี้อย่างเต็มที่ เพราะมองว่าเป็นการช่วยเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงระบบขนส่งได้ในราคาที่เอื้อมถึง พร้อมแสดงความคาดหวังว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มความเท่าเทียมในสังคมได้อย่างยั่งยืน

 

ประเด็นร้อน “20 บาทตลอดสาย” ที่คนพูดถึงมากที่สุด!

การลงทะเบียน (68.6%): วันแรกที่เปิดให้ลงทะเบียนสร้างความคึกคักบนโซเชียลมีเดียทันที โดยมีคำถามมากมายเกี่ยวกับรายละเอียดและขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อเข้าถึงนโยบายนี้ โดยมีหัวข้อที่ถูกหยิบยกมาพูดคุย ได้แก่

• การลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ

ประชาชนจำนวนมากเข้ามาแชร์ประสบการณ์และตั้งคำถามคล้ายๆ กัน ตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน เช่น เมนูลงทะเบียนอยู่ตรงไหน? ไปจนถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่ซับซ้อน รวมถึงเสียงบ่นเรื่องปัญหาทางเทคนิคที่เจอได้บ่อยๆ เช่น ระบบค้าง, ลงทะเบียนไม่สำเร็จ เป็นต้น

• ประเภทของบัตรที่ใช้ลงทะเบียน

อีกหนึ่งคำถามที่เห็นได้บ่อย ๆ ในทุกแพลตฟอร์มคือ ใช้บัตรแบบไหนได้บ้าง? และ บัตรแต่ละประเภทต่างกันยังไง? แต่ที่กลายเป็นประเด็นใหญ่กว่านั้น คือเงื่อนไขที่กำหนดให้ ชื่อบนบัตรต้องตรงกับชื่อผู้ลงทะเบียน ซึ่งสร้างความลำบากให้กับคนที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรโดยตรง

• คำถามเกี่ยวกับผู้สูงอายุ

มีการตั้งข้อสงสัยว่า หากเป็นผู้สูงอายุที่ปัจจุบันได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 50% อยู่แล้ว การลงทะเบียนรับสิทธิ์ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” จะยังคงให้สิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่าเดิมหรือไม่ หรืออาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเดิมที่เคยได้รับ

เลื่อนนโยบาย (19.9%): หลังจากรัฐบาลประกาศเลื่อนกำหนดเริ่มนโยบายจากวันที่ 1 ตุลาคม ไปเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยให้เหตุผลว่าร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับยังไม่แล้วเสร็จ กระแสในโลกออนไลน์เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลใหม่จะอยู่ภายใต้การนำของพรรคการเมืองใด หลายเสียงตั้งคำถามว่านโยบายนี้จะเกิดขึ้นจริงตามที่ประกาศไว้หรือไม่ พร้อมแสดงความกังวลต่อความชัดเจนของการดำเนินงานในอนาคต

ค่าครองชีพ (8.2%): แม้จะถูกพูดถึงน้อย แต่เรื่องค่าครองชีพก็ยังเป็นประเด็นที่ประชาชนหลายคนให้ความสนใจ โดนเฉพาะกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องเดินทางเป็นประจำทุกวัน ซึ่งมองว่านโยบายนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้จริงเมื่อเทียบกับราคาปกติที่ต้องจ่าย

งบประมาณ (3.3%): อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงคือเรื่องส่วนต่างรายได้ที่รัฐต้องนำงบประมาณมาชดเชยให้เอกชนอย่าง BTS และ BEM ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาหนี้สะสมให้กับประเทศและส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายในระยะยาว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 68)