
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้แถลงวันนี้ (10 ก.ย.) ว่า EC จะเสนอมาตรการคว่ำบาตรรัฐมนตรีอิสราเอลฝ่ายสุดโต่ง รวมถึงการระงับข้อตกลงความร่วมมือกับอิสราเอลในบางหมวด โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการค้า
ในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภายุโรป ณ เมืองสทราซบูร์ ฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า “สถานการณ์ในกาซาได้สั่นคลอนมโนธรรมสำนึกของชาวโลก” พลางยอมรับว่าชาติยุโรปยังเสียงแตกในเรื่องนี้ แต่ EC ก็พร้อมจะดำเนินการเท่าที่มีอำนาจโดยลำพัง
เอกสารทางเลือกซึ่งฝ่ายการทูตของสหภาพยุโรป (EU) ได้ยกร่างไว้เมื่อเดือนก.ค. ระบุว่า การระงับข้อตกลงในหมวดที่ว่าด้วยการค้านั้น จะหมายถึงการยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าอิสราเอลที่จะเข้ามายังตลาด EU ซึ่งมติดังกล่าวจำต้องอาศัยเสียงข้างมากจากรัฐบาลชาติสมาชิกตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ เงื่อนไขของเสียงข้างมากดังกล่าวคือต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก 15 ใน 27 ชาติสมาชิก และต้องมีประชากรรวมกันไม่ต่ำกว่า 65% ของทั้ง EU
อนึ่ง EU นับเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอิสราเอล โดยมูลค่าการค้าระหว่างกันเมื่อปีที่แล้วนั้น คิดเป็นสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของอิสราเอล
ฟอน เดอร์ เลเยน ยังกล่าวเสริมว่า EC จะชะลอการให้ความช่วยเหลือแก่อิสราเอลในระดับทวิภาคีไว้ก่อน อย่างไรก็ดี มาตรการนี้จะไม่กระทบกระเทือนความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและศูนย์ยาด วาเชม (Yad Vashem) อันเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในการรำลึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
ก่อนหน้านี้ EC เคยมีความพยายามที่จะจำกัดสิทธิของอิสราเอลในการเข้าถึงโครงการวิจัยหลักของ EU แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเนื่องจากไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติสมาชิกมากพอ
ในแวดวงการทูตต่างมองว่าท่าทีของเยอรมนีคือตัวแปรสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายเยอรมนีเองก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีคล้อยตามข้อเสนอนี้แต่ประการใด
ประธาน EC กล่าวว่า ในเดือนหน้า ทางคณะฯ จะริเริ่มจัดตั้งกลุ่มผู้บริจาคเพื่อปาเลสไตน์ขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมถึงการจัดตั้งกลไกเพื่อการบูรณะกาซาขึ้นด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 68)