
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ในวันที่ 16 ก.ย. นี้ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้เข้าร่วมหารือกับผู้แทนตำรวจกัมพูชา เพื่อติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามวาระการประชุม GBC โดยฝั่งไทยจะส่งมอบข้อมูลเป้าหมายกว่า 50 เป้าหมายในกัมพูชา ให้ทางการกัมพูชาดำเนินการ พร้อมตั้งคณะทำงานร่วมติดตามอย่างใกล้ชิด
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ข้อมูลที่ส่งมอบเป็นข้อมูลใหม่ ไม่ใช่ของเก่า และมั่นใจว่ากัมพูชาจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง เนื่องจากที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยยอมรับข้อกล่าวหาที่ถูกมองว่าเป็น “เมืองแก๊งคอลเซ็นเตอร์”
การดำเนินการครั้งนี้ จึงเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจ หากยังพบคนไทยหรือชาวต่างชาติถูกหลอกลวงอยู่ จะเป็นหลักฐานชี้ชัดว่ากัมพูชาไม่ปฏิบัติตามที่รับปาก ซึ่งจะมีการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงพิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์พยายามขยายไปประเทศอื่น รวมถึงแนวชายแดนติดเวียดนาม โดยมีการใช้ “ซิมบ็อกซ์” มากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานไปยังทางการเวียดนามแล้ว
สำหรับปัญหาคนไทยที่ยังอยู่ในขบวนการจำนวนมากนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางการไทยจะเร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาด แม้บางคนอ้างว่าถูกหลอกไปทำงาน แต่ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ (NRM) เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน การกวาดล้างบัญชีม้าในประเทศก็สามารถทำได้ชัดเจน โดยย้ำว่าคดีคอลเซ็นเตอร์ มีประชาชนเป็นผู้เสียหาย ส่วนคดีเว็บพนันออนไลน์ รัฐเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความสับสนในการแยกแยะผู้ต้องหา
- ผลปฏิบัติการ “Warroom IAC”
ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. – 10 ก.ย.68 มีจำนวนเคสที่นำเข้าวอร์รูม 582 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 335,932,861 บาท จากการดำเนินการของวอร์รูม สามารถอายัดได้ 267 เคส (45.88%) มูลค่าทรัพย์สินที่อายัดได้ 108,329,038 บาท (32.25%) มีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 90 ราย (ไทย 65 ราย ต่างชาติ 25 ราย) มีการออกหมายจับ 47 ราย และช่วยเหลือผู้เสียหายที่ไม่รู้ตัว 2 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 68)