
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากปิดท้ายสัปดาห์ก่อนที่ 31.71 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ที่ไร้ทิศทางเช่นกัน หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC เดือนกันยายน ส่วนราคาทองคำก็เผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง กดดันให้ราคาทองย่อตัวลง
สำหรับแนวโน้มเงินบาท อาจแกว่งตัวไร้ทิศทางชัดเจนก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC รอบเดือนกันยายน โดยเงินบาทยังพอมีโซนแนวรับแถว 31.50 บาท/ดอลลาร์ และแนวต้านในช่วง 31.85 บาท/ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk โดยมีโอกาสอ่อนค่าลงบ้าง หรืออย่างน้อยการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ควรชะลอลง หากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยเท่าที่ตลาดคาดหวัง
ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ และเงินหยวนจีนอย่างใกล้ชิดเนื่องจากการเคลื่อนไหวของทั้งสองสินทรัพย์อาจส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้พอสมควร โดยในส่วนของประเด็นราคาทองคำนั้น ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีมาตรการอะไรเพื่อลดทอนผลกระทบจากราคาทองคำต่อเงินบาทได้
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 31.65-31.85 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 147.55 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 147.95/98 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1720 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1719/21 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.692 บาท/ดอลลาร์
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (12 ก.ย.) โดยดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากร่วงลงเพราะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก และอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นเล็กน้อย
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.80 ดอลลาร์ หรือ +0.35% ปิดที่ 3,686.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ (12 ก.ย.) และยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อต้นสัปดาห์ โดยสัญญาณการอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ หนุนความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีในการประชุมสัปดาห์หน้า
- นักลงทุนในตลาดการเงิน จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 16-17 ก.ย. โดยส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากหยุดพักการปรับลดมาราว 9 เดือน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลงอย่างมาก
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักราว 10% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50%
- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนในวันนี้อ่อนค่าลง 0.0037 หยวน แตะที่ระดับ 7.1056 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวน ได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลง ไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน
- รมว.คลังสหรัฐฯ และ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้เสร็จสิ้นการประชุมวันแรกกรุงมาดริด ประเทศสเปน ในวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาในประเด็นการค้า ความมั่นคง และประเด็นทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการกำหนดเส้นตายขายกิจการ
แพลตฟอร์ม TikTok ของจีน - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ดัชนีภาคการผลิต เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 68)