
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (16 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นก่อนการประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธนี้
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 550.79 จุด ลดลง 6.37 จุด หรือ -1.14%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,818.22 จุด ลดลง 78.71 จุด หรือ -1.00%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,329.24 จุด ลดลง 419.62 จุด หรือ -1.77% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,195.66 จุด ลดลง 81.37 จุด หรือ -0.88%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มการเงิน ธนาคาร และประกันภัย ต่างร่วงลง 2% ถึง 2.1% ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนี, ฝรั่งเศส และอังกฤษ ต่างเผชิญแรงขายรุนแรงเช่นกัน
การประชุมของเฟดซึ่งใช้เวลา 2 วันนั้น คาดว่าจะสิ้นสุดลงด้วยการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกของปี 2568 ที่เฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน หลังมีสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแอลง ขณะที่นักลงทุนบางส่วนคาดว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยถึง 0.5%
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า หากเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% อาจตีความได้ว่าสถานการณ์แย่กว่าที่คาดไว้ ตลาดแรงงานชะลอตัวลง หรือมีข้อมูลทางเศรษฐกิจบางอย่างที่ยังไม่ปรากฏ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจถูกตีความได้ทั้งบวกและลบ เนื่องจากตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
การตัดสินใจครั้งนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเมืองที่อาจเข้ามาแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด โดยเมื่อวันอังคาร โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสนอชื่อ สตีเฟน มิแรน และเขาได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งกรรมการเฟดแล้ว ขณะที่ ลิซา คุก จะเข้าร่วมการประชุมด้วย หลังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งระงับความพยายามของทรัมป์ที่จะปลดเธอออกจากตำแหน่ง
นักวิเคราะห์อีกรายระบุว่า ตลาดไม่ได้รอเพียงผลการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่กำลังรอดูคำตอบเกี่ยวกับแนวนโยบายการเงินในอนาคตมากกว่า
หุ้นกลุ่มบริษัทจัดหางานร่วงลง หลัง SThree ออกคำเตือนเรื่องผลกำไร ทำให้หุ้นดิ่งลง 26% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551 โดยหุ้นในกลุ่มเดียวกันต่างเผชิญแรงขายตามมา โดยหุ้น Adecco ร่วงลง 5.1%, หุ้น Hays ร่วง 4.1% และหุ้น Randstad ร่วงลงราว 3%
ในทางตรงกันข้าม ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูปรับขึ้น 0.2% แม้หุ้น L’Oreal ร่วง 2.9% หลัง Jefferies ปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก Hold เป็น Underperform ส่วนกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.34% ได้แรงหนุนจากราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้น
หุ้น Thyssenkrupp พุ่งขึ้น 4.3% หลังได้รับข้อเสนอแบบไม่ผูกพันในการเข้าซื้อธุรกิจเหล็กจากบริษัทในเครือของกลุ่ม Naveen Jindal ของอินเดีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 68)