ทรัมป์จ่อขึ้นบัญชีดำ “แอนติฟา” เป็นองค์กรก่อการร้าย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเตรียมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มเคลื่อนไหวฝ่ายซ้าย หลังเกิดเหตุลอบสังหารชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวา โดยพุ่งเป้าขึ้นบัญชีดำขบวนการแอนติฟา (antifa) ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์ ให้เป็น “องค์กรก่อการร้าย”

ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทรูธโซเชียล (Truth Social) เมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) ว่า ตนกำลังขึ้นบัญชีแอนติฟาเป็นองค์กรก่อการร้าย “และผมจะขอแนะนำอย่างยิ่งให้มีการสอบสวนผู้ที่ให้เงินทุนสนับสนุนแอนติฟาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติทางกฎหมายสูงสุด”

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้กล่าวโทษกลุ่มฝ่ายซ้ายหลายครั้งว่าเป็นผู้สร้างบรรยากาศของความเป็นปรปักษ์ต่อกลุ่มอนุรักษนิยมก่อนเกิดเหตุลอบสังหารเคิร์ก

ด้านเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ โดยกล่าวโทษว่า เหตุลอบสังหารมีต้นตอจากแนวคิดสุดโต่งทางการเมืองของฝ่ายซ้าย พร้อมระบุว่าทำเนียบขาวกำลังผลักดันให้ “เครือข่ายเงินทุนสำหรับความรุนแรงของฝ่ายซ้าย” ถูกจัดการในระดับเดียวกับองค์กรก่อการร้าย

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลทรัมป์เตรียมออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อควบคุมความรุนแรงทางการเมืองและวาทะสร้างความเกลียดชัง

อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการประกาศของทรัมป์จะมีผลทางกฎหมายเพียงใด เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า แอนติฟาเป็นเพียงขบวนการทางอุดมการณ์ที่ไม่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ ไม่มีผู้นำหรือโครงสร้างที่ชัดเจน ท่าทีดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทรัมป์กำลังใช้โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นข้ออ้างเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

สำหรับคดีลอบสังหารเคิร์ก อัยการรัฐยูทาห์ได้ตั้งข้อหาต่อไทเลอร์ โรบินสัน วัย 22 ปี แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าเขามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มแอนติฟาหรือกลุ่มภายนอกอื่น ๆ และยังไม่ทราบแรงจูงใจที่แน่ชัด

ทั้งนี้ ทรัมป์เคยเสนอแนวคิดที่จะขึ้นบัญชีดำแอนติฟามาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2563 ในช่วงที่เกิดการประท้วงรุนแรงทั่วประเทศหลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งในครั้งนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่าเป็นการกระทำที่ขาดพื้นฐานทางกฎหมายและอาจขัดต่อหลักเสรีภาพในการแสดงออก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 68)