
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยผลการดำเนินงานที่สำคัญปีงบประมาณ 2568 โดยปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 5.8 แสนราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 3.7 หมื่นล้านบาท พร้อมเร่งคำนวณยอดหนี้ใหม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย และทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ เพื่อแบ่งเบาภาระและอำนวยความสะดวกผู้กู้ยืมอย่างต่อเนื่อง
น.ส.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการ กยศ. เปิดเผยว่า การดำเนินงานให้กู้ยืมเงินในปีการศึกษา 2568 กยศ. ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 584,677 ราย เป็นวงเงินให้กู้ยืมกว่า 37,163 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ย. 68) โดยมุ่งเน้นการให้เงินกู้ยืมแก่นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และผู้ที่ศึกษาในหลักสูตรหรือสาขาวิชาที่ขาดแคลนและเป็นความต้องการหลักของประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว
โดย กยศ. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2568 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล จำนวน 19,000 ล้านบาท ควบคู่กับเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับชำระคืนจากผู้กู้ยืมเงินรุ่นพี่ เพื่อให้การกระจายโอกาสทางการศึกษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมโอกาสการมีงานทำให้แก่ประชาชนทั่วไปอายุ 18-60 ปี ด้วยหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill)
สำหรับการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ผู้กู้ยืมเงินสามารถเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ กยศ. ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีผู้กู้ยืมเงินทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ทั้งในรูปแบบกระดาษและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์กับกยศ. แล้วกว่า 720,783 ราย
ทั้งนี้ เมื่อผู้กู้ยืมเงินทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว กยศ. จะปลดภาระผู้ค้ำประกันทันที และผู้กู้ยืมเงินสามารถผ่อนชำระเงินคืนกยศ. เป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน โดยขยายเวลาผ่อนชำระได้นานถึง 15 ปี และในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมเงินต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว กยศ. จะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100%
ปัจจุบัน กยศ. ได้ให้โอกาสแก่นักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 7,158,155 ราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 820,786 ล้านบาท ประกอบด้วย ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการศึกษา/ปลอดหนี้ 1,344,732 ราย ผู้กู้ยืมเงินที่ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 2,052,811 ราย ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3,685,357 รายบัญชี และผู้กู้ยืมเงินเสียชีวิต/ทุพพลภาพ 75,255 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 68)
ทั้งนี้ กยศ. ยังคงยืนยันเดินหน้าสนับสนุนการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ควบคู่กับการยกระดับการบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้กู้ และสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ
ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า สำหรับการคำนวณยอดหนี้ใหม่ ตาม พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2566 ซึ่งมีการคิดอัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ 0.5% จากกฎหมายฉบับเดิมซึ่งอยู่ที่ 7% รวมทั้งมีการจัดลำดับใหม่ในการตัดยอดหนี้จากเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ จากกฎหมายเดิมที่จะตัดเบี้ยปรับก่อน แล้วตามมาด้วยดอกเบี้ย และเงินต้นเป็นลำดับสุดท้ายนั้น ส่งผลให้ยอดหนี้ของผู้กู้ลดลงไปมาก โดยผู้กู้บางรายยอดหนี้ลดลงหลักหมื่น และบางรายยอดหนี้ลดลงหลักแสน ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้กู้ต้องการจะรีบชำระคืนหนี้ และปิดบัญชี เพราะจะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 3%
โดย กยศ. คาดว่าจะดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ให้แก่ลูกหนี้ กยศ. ครบทุกรายได้ ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้
“พอยอดหนี้ลดลงเยอะ ซึ่งส่วนสำคัญเป็นผลจากการปรับลดดอกเบี้ย ตามพ.ร.บ.ใหม่ บางคนยอดหนี้ลดลงหลักแสน บางคนหลักหมื่น พอเห็นยอดหนี้ที่คำนวณใหม่ เขาอยากปิดยอดเลย หลายคนมีการโทรเข้ามา จะขอปิดบัญชี เพราะจะได้ลดอีก 3% เขาก็เห็นข้อดีในจุดนี้ ทำให้ผู้กู้เริ่มกลับเข้ามาที่จะขอปิดบัญชี หรือขอปรับโครงสร้างหนี้” ผู้จัดการ กยศ.ระบุ
สำหรับปีการศึกษา 2568 นี้ กยศ. ตั้งเป้ายอดปล่อยกู้ไว้ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท จากปี 67 ที่ปล่อยกู้ราว 50,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดผิดนัดชำระหนี้ดีขึ้นจากปีก่อน โดยล่าสุด พบว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้ลดลงมาอยู่ที่ 64% ขณะที่คาดว่ายอดชำระคืนหนี้ กยศ. ภายในปีนี้ จะอยู่ที่ราว 27,000 ล้านบาท
“ยอดชำระปลายปีนี้ น่าจะอยู่ที่ 27,000 ล้านบาท การผิดนัดชำระน่าจะน้อยลง เพราะเรามีการปรับโครงสร้างหนี้ เรามีการโทรไปแจ้ง เตือน และเรามียอดหนี้ที่ชัดเจน ดังนั้นยอดค้างชำระจะน้อยลง และคนที่ค้างชำระจะน้อยลงมาอยู่ที่ 64%” ผู้จัดการ กยศ.ระบุ
พร้อมเชิญชวนให้ลูกหนี้ กยศ.เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจะมีความสะดวก รวดเร็ว ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และจะสามารถทราบยอดหนี้ใหม่ที่ลดลงได้ทันที
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 68)