นายกฯ นำทีมเศรษฐกิจหารือสมาคมธนาคารไทย เร่งแก้หนี้-เพิ่มสภาพคล่อง ตั้งทีมดูแลเงินไหลเข้าส่งผลบาทแข็ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับสมาคมธนาคารไทยว่า การพูดคุยครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยหารือหลากหลายประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประชาชน หนี้ครัวเรือน และหนี้เอสเอ็มอี พร้อมขอความร่วมมือจากสมาคมธนาคารไทยให้พิจารณาผ่อนปรน และเร่งเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ยังมีศักยภาพสามารถผลิตและนำสินค้าสู่ตลาดได้

พร้อมมั่นใจว่า ทีมเศรษฐกิจ และสมาคมฯ จะนำผลการหารือในวันนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เร็วที่สุด และจะเร่งเรื่องศักยภาพของประเทศไทย การเพิ่มมูลค่าในภาคท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากที่สุด ทั้งภาคบริการ การแพทย์ การแพทย์เพื่อสุขภาพ เกษตรกรรม ทั้งผู้ผลิตและแปรรูป รวมถึงราคาพืชผลด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฮเทค ที่ประเทศไทยมีพื้นที่มากเพียงพอ ที่จะรองรับการขยายตัวอุตสาหกรรมด้านนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขยายขนาดทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำถึงการหาตลาดใหม่เพื่อกระจายสินค้าไทยไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ แทนการพึ่งพาคู่ค้าเพียงไม่กี่ประเทศ พร้อมระบุว่าสินค้าไทยที่มีคุณภาพ และเมื่อรีแบรนด์แล้วจะสามารถแข่งขันได้ทั่วโลก โดยรัฐบาลจะเร่งสนับสนุนทุกกลไก เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภานั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ทำเสร็จหมดทุกเรื่องแล้ว และได้นำรายละเอียดต่าง ๆ ตลอดจนข้อห่วงใยของสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคประชาชนนำมาปรับ เพื่อให้ตรงกับความต้องการและข้อห่วงใยของทุกภาคส่วนให้มากที่สุด โดยถือเป็นนโยบายที่ประกอบด้วยด้านความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน แผนการทำงานของรัฐบาล เป็นต้น

นายอนุทิน ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ให้สัญญาทุกภาคส่วนไว้แล้วว่า 4 เดือนจะยุบสภา ดังนั้นเรื่องการจะไปคิดออกกฎหมายใหม่ คงดำเนินการไม่ทัน เพราะสภาชุดนี้จะปิดสมัยประชุมในสิ้นเดือนต.ค.68 ดังนั้นจึงจะใช้กฎหมายที่มีอยู่ และดำเนินการไปตามกฎหมายให้มากที่สุด

“ส่วนไหนที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรม หรือทำลายเศรษฐกิจ หรือผิดกฎหมาย ก็ใช้กฎหมายเดิมที่มีอยู่ บุคลากร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปราบปราม ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือข้ามชาติ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด เมื่อใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดแล้ว จะแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

  • ตั้งทีมงานร่วมตรวจสอบต้นตอทำบาทแข็ง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการพูดคุยกับสมาคมธนาคารไทย ถึงแนวทางความร่วมมือกันช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เร็วและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการแก้ปัญหาเก่า เช่น หนี้ครัวเรือน ซึ่งได้รับคำแนะนำที่ดีจากสมาคมธนาคารไทย

สำหรับเรื่องสภาพคล่องของผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นหัวใจของผู้ประกอบการไทยนั้น รัฐบาลจะพยายามเพิ่มสภาพคล่อง และเตรียมความพร้อม พัฒนาทักษะต่าง ๆ เพื่อให้ SME ไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

“นายกฯ ได้พาไปที่สภาอุตสาหกรรมฯ ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ของเรา เชื่อมโยงไปที่อุตสาหกรรม และแรงงานจำนวนมาก รวมทั้งหอการค้า ที่เป็นการพบกับผู้ประกอบการไทย สมาคมธนาคารไทย เหมือนน้ำมันหล่อลื่นที่จะไปหล่อลื่นให้เครื่องจักรเดิน ให้ผู้ประกอบการทำงานได้ดี และส่งเสริมให้เขาสู่ธุรกิจใหม่” รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าว

พร้อมระบุว่า จะเป็นการรับโจทย์จากนายกรัฐมนตรี คือ ต้องดำเนินการ “Quick Big Win” และสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทย และทำให้เกิดเสถียรภาพ ให้ต่างชาติมีความเชื่อมั่นด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเงินสีเทาไหลเข้ามานั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า ตามนโยบายนายกฯ “สั่งวันนี้ ให้ทำเมื่อวาน” ซึ่งเมื่อวานนี้ ตนได้ประสานกับทีมที่กระทรวงการคลังให้ Connect the Dots ไว้แล้ว และวันนี้ทางสมาคมธนาคารไทยมาฉายภาพให้เห็น และชี้จุดเดียวกันที่เราเจอ คือ เรื่องค่าเงิน

“มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง โดยจะมีทีมทำงานร่วมกัน ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เพื่อจะได้เกาให้ถูกที่คัน และแก้ปัญหาให้ตรงจุด” รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ

 

ด้าน นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ ต้อง “Connect the Dots” การขับเคลื่อนเงินทุนในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผ่านหลายกลไกในระบบตลาด ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ที่เป็นทั้งระบบธนาคาร และไม่ใช่ธนาคาร ซึ่งการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินนั้น ขณะนี้ ธปท. และ ปปง. กำลังเร่งดำเนินการอยู่

อย่างไรก็ดี การที่รัฐบาลมาหารือวันนี้ ทางสมาคมฯ ไม่ได้ขออะไรเพิ่มเติม เพราะนายกรัฐมนตรีเข้าใจดีอยู่แล้ว และทีมงานมีทุก Pillar (เสาหลัก) ทั้งการเงินการธนาคาร ตลาดทุน พลังงาน การค้าการขาย ครบทั้งหมด ซึ่งวันนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในรอบ 58 ปี ที่นายกรัฐมนตรีมาเอง และทั้งคณะรัฐมนตรีทางเศรษฐกิจ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน

 

youtube.com/watch?v=910EPA0VU2g&feature=youtu.be

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 68)