พรรคประชาชนมึน! เพื่อไทยพุ่งเป้าโจมตีกันเอง แนะรวมพลังฝ่ายค้านผลักดันกม.สำคัญ

ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงบทบาทการทำงานฝ่ายค้านว่า ในที่ประชุมวิปวันนี้จะมีการพูดคุยและหารือถึงสัดส่วนวิปฝ่ายค้าน โดยได้เว้นสัดส่วนไว้ให้พรรคเพื่อไทยไว้แล้ว ส่วนพรรคเพื่อไทยจะแสดงเจตจำนงไม่เข้าร่วมก็เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนก็เคารพเจตนารมณ์และอยากให้มาทำงานร่วมกัน

ส่วนกรณีการเรียกร้องให้ผู้นำฝ่ายค้านลาออก นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผล แต่ยืนยันชัดเจนว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านฯ ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่แน่นอน การแถลงนโยบายครั้งนี้ ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าคงได้เห็นกันว่าพรรคประชาชน จะตรวจสอบรัฐบาลเสียงข้างน้อยชุดนี้มากแค่ไหน พรรคไหนที่จะตรวจสอบรัฐบาลหรือพรรคไหนที่จะลุกขึ้นอภิปราย ตรวจสอบฝ่ายค้านด้วยกันเอง

“ต้องไปถามพรรคเพื่อไทยว่าตกลงจะตรวจสอบรัฐบาล หรือจะตรวจสอบฝ่ายค้านกันเอง เราก็พยายามที่จะชักชวนให้มาทำงานร่วมกัน…อยากจะบอกว่าต่อให้ผู้นำฝ่ายค้านลาออกพรรคเพื่อไทยก็เป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะมีประธานสภาฯและรองประธานสภาฯแล้ว ซึ่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็ไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ นอกจากรองประธานสภาทั้งสองคนจะลาออก” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

สำหรับการหารือระหว่างวิป 3 ฝ่าย คาดว่าน่าจะได้คุยกันในวันที่ 24 ก.ย. นี้ ซึ่งได้คุยกันเกือบจะชัดเจนแล้ว ถ้าขยับคงขยับไม่มาก แต่วันแถลงนโยบายยังติดปัญหาอยู่เรื่องโควตาเวลา

“ผมผ่านการร่วมงานมาหมดแล้ว ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทุกคนคงรู้ดีว่าหลายเรื่องอาจคิดไม่ตรงกัน และผมก็พูดเสมอว่าฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องคิดตรงกันทุกเรื่อง เรื่องไหนที่คิดไม่เหมือนกันก็สงวนสิทธิ์ของแต่ละพรรคได้เลย ว่าจะลงมติหรือปฏิบัติอย่างไร ซึ่งไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ไม่เหมือนวิปรัฐบาล” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า 4 เดือนที่เหลือแม้ไม่มีอำนาจบริหาร แต่ยินดีที่จะทำงานด้วยกัน และยังทำงานเพื่อประชาชนอยู่ตามที่หาเสียงไว้ และการประชุมสภาพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) มี พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ที่นายวิโรจน์ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม.พรรคประชาชน เสนอ ที่จะแก้ไขให้ทหารที่ทำผิดในคดีทุจริตขึ้นศาลพลเรือน ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปกองทัพก้าวแรก และการปฏิรูปกองทัพก็เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้ ก็น่าจะเป็นบทพิสูจน์แรกว่า พรรคเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกับนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน

“การที่จะสภาจะอ่อนแอ ถ้าหากว่าฝ่ายตรวจสอบไม่ทำงานตรวจสอบอย่างแข็งขัน และขอย้ำว่าถ้าพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยรวมกัน สามารถผ่านกฎหมายอะไรก็ได้ และรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นี่คืออำนาจนิติบัญญัติ ที่แยกออกจากอำนาจบริหารโดยเด็ดขาด” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 68)