
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (24 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าหรูหรา แม้หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มกลาโหมปรับตัวขึ้นก็ตาม ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณใหม่จาก เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.88 จุด ลดลง 1.07 จุด หรือ -0.19%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,827.45 จุด ลดลง 44.57 จุด หรือ -0.57%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,666.81 จุด เพิ่มขึ้น 55.48 จุด หรือ +0.23% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,250.43 จุด เพิ่มขึ้น 27.11 จุด หรือ +0.29%
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานพุ่งขึ้น 1.8% หลังราคาทองแดงแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งหนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 1.5% โดยหุ้น Anglo American พุ่ง 4.7% หลัง Endiama ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นส่วนน้อยในธุรกิจเพชร De Beers
หุ้นกลุ่มกลาโหม อาทิ Rheinmetall, Hensoldt และ SAAB ปรับตัวขึ้นระหว่าง 3% ถึง 8% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาเชื่อว่ายูเครนจะสามารถยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่ถูกรัสเซียยึดครอง และควรเร่งดำเนินการ
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราอย่าง LVMH, Hermes, Richemont และ EssilorLuxottica กดดันตลาด โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูร่วงลง 1.5% และหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ก็ลดลงเช่นกัน โดยลดลง 0.6% ขณะที่หุ้น AstraZeneca ร่วง 2% และหุ้น Roche ลดลง 0.4%
หุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 0.6% หลังจากฟื้นตัวบางส่วน ภายหลังบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐฯ ประกาศปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์อย่างเป็นทางการมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ถ้อยแถลงล่าสุดของพาวเวลซึ่งยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของเฟด โดยบรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อยอีกหนึ่งครั้งภายในปีนี้ โดยมีโอกาสเกิน 94% ที่จะเกิดขึ้นในเดือนต.ค. ตามข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME
สำหรับการเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนก.ย.นั้นพบว่า มีการปรับตัวลงเกินคาด เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)