ทองปิดลบ $47.6 เหตุดอลล์แข็งฉุดตลาด จับตา PCE ประเมินดอกเบี้ยเฟด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (24 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 47.6 ดอลลาร์ หรือ 1.25% ปิดที่ 3,768.1 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.63% แตะที่ 97.873 โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น

นักวิเคราะห์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงประเมินการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครนและรัสเซีย ขณะเดียวกันนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่ Greater Providence Chamber of Commerce (GPCC) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แสดงความเห็นอย่างระมัดระวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้น และการจ้างงานที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับเฟด และทำให้เฟดจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการสนับสนุนการจ้างงาน

นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยล่าสุด CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 94% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค. และให้น้ำหนัก 77% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.

สำหรับสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ล่าสุดนั้น กองทัพของยูเครนได้โจมตีสถานีสูบน้ำมันสองแห่งในภูมิภาควอลโกกราดของรัสเซียเมื่อคืนที่ผ่านมา และมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองโนโวรอสซีสค์ ซึ่งเป็นท่าเรือหลักของรัสเซียในทะเลดำ และเป็นที่ตั้งของสถานีส่งออกน้ำมันและธัญพืชที่สำคัญ

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 และยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)