
เปิดร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ระบุชัด จะสนับสนุนการจัดทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยรับฟังเสียงของประชาชน และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและเพื่อธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พร้อมเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ได้แก่ ภัยด้านเศรษฐกิจ ภัยด้านความมั่นคง ภัยด้านสังคม และภัยด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคู่กับการต้องวางรากฐานของประเทศ การขับเคลื่อนการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน การสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมือง และการเสริมสร้างความไว้วางใจจากประชาชน การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- ด้านเศรษฐกิจ
– สร้างรายได้ ลดรายจ่าย อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทำโครงการ “คนละครึ่ง” การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่นให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าภาคครัวเรือนและกิจกรรมทางการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนและเพิ่มพลังงานสีเขียวตามความต้องการของทุกภาคส่วน
– แก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่อง ในส่วนหนี้ภาคประชาชน ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทำให้คนไทยติดกับดักหนี้ เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระหนี้โดยสม่ำเสมอ การให้ความรู้ทางการเงิน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่
– เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อยให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้สะดวก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม โดยกันเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้
– ฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว เน้นสร้างความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก ปราบปรามการฉ้อโกงและหลอกลวงนักท่องเที่ยว จัดทำมาตรการกระตุ้นคนไทยกลับมาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเมืองรอง จูงใจให้ภาคเอกชนปรับปรุงโรงแรมที่พักและแหล่งท่องเที่ยวผ่านกลไกภาษี ดึงดูดชาวต่างชาติให้พำนักในไทยระยะยาวและเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัว
– เร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ รวมทั้งผลักดันไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development) เพื่อดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ ดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา การสกัดปัญหาการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า และป้องกันการทุ่มตลาด
ปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวก โปร่งใส และเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ ปรับระบบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์สมัยใหม่ อาหารแห่งอนาคต พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมชีวภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้นักลงทุน จากต่างประเทศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทของไทย
- ด้านความมั่นคง
– เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ ผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจ ให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างไทย-กัมพูชา
– เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
- ด้านสังคม
– ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนให้มีการประกอบธุรกิจการพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีธุรกิจการพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปของกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์
– ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง เพื่อยกระดับ ความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ
– พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
- ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
– เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง, ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ, ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด, พัฒนายกระดับวิถีเกษตรกรไปสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม และ จัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากลและผลักดันกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
- ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย
– เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล, เร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบ โดยยกเลิกกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและสร้างภาระที่ไม่จำเป็นแก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่เรียกว่ากิโยติน (Guillotine) การริเริ่มเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลและผลักดันการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนไป
นอกจากนี้ จะผลักดันการพัฒนาตามแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ในช่วงเวลาของการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง อาทิ
– การพัฒนาบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและการแพทย์แผนไทย การส่งเสริมและพัฒนา การสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพทางกายและจิตใจที่ดี
– การผลักดันกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูประบบการศึกษา
– การวางรากฐานการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ยุคใหม่ จากเดิมที่เน้น “ปริมาณ” ไปสู่การสร้าง “มูลค่า” โดยยกระดับ ภาคเกษตรกรรมของไทยไปสู่เกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของอาหาร
– การวางรากฐานเพื่อให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะ SMEs ก้าวทันโลกควบคู่กับการยกระดับโครงสร้างสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย
– การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้รองรับการพัฒนาประเทศควบคู่กับการส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในโครงการขนาดใหญ่ การกำกับให้มีการจัดสรรและการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศโดยรวม
– การสืบสานต่อยอดโครงการพระราชดำริ และโครงการตามแนวพระราชดำริ
– การกำหนดผังเมืองและการบังคับใช้เป็นกฎหมายเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไป อย่างเหมาะสม
– การบริหารจัดการที่ดินเพื่อให้ประชาชนสามารถมีที่ทำกินได้อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม
– การพัฒนาระบบรายได้และบริหารสินทรัพย์ของภาครัฐให้เข้มแข็ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)