
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวผสมผสานในวันนี้ (30 ก.ย.) หลังข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก แต่ลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 45,023.48 จุด ลดลง 20.27 จุด หรือ -0.05%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,596.90 จุด ลดลง 25.98 จุดหรือ -0.10% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,878.13 จุด เพิ่มขึ้น 15.59 จุด หรือ +0.40%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.12% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ลดลง 0.04%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 49.8 ซึ่งดีกว่าระดับ 49.4 ในเดือนส.ค. แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 49.6 แม้ว่าทางการจีนได้พยายามออกมาตรการที่มุ่งเป้าควบคุมกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม ท่ามกลางอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลงและผลกระทบจากภาวะชะงักงันด้านการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวลงติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตเผชิญกับภาวะอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลง และจากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าจีนที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี การประเมินภาคการผลิตของทางการจีนสวนทางกับการประเมินของภาคเอกชน โดยดัชนี RatingDog China Manufacturing PMI ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global อยู่ที่ระดับ 51.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.2 โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว
บรรดานักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในวันนี้ รวมทั้งการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับแกนนำของสภาคองเกรสเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ที่มีกำหนดเส้นตายในวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.6% ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อสูงได้จำกัดความสามารถของธนาคารกลางในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับแกนนำทั้งสี่ของสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวในวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาไทย เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงวิกฤติชัตดาวน์ โดยแกนนำทั้งสี่คนได้แก่ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร, จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ (ตรงกับเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย) โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ต.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)