
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า โฆษก ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนส.ส.68 ชะลอลงจากเดือนก่อน จากผลผลิตเกษตร การผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต อาทิ การค้าและการขนส่งสินค้า โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงในหลายสินค้า โดยเฉพาะรถยนต์และอาหารและเครื่องดื่ม จากอุปสงค์ที่ชะลอลง สินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง และปัจจัยชั่วคราวจากการหยุดผลิตรถยนต์ของบางโรงงาน เพื่อปรับกระบวนการผลิต และการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางโรงในหมวดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการส่งออกสินค้าทรงตัวจากเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชะลอลงบ้างหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ภาคท่องเที่ยวปรับดีขึ้น จากรายรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง และรัฐวิสาหกิจ
เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดที่ติดลบมากขึ้น ตามราคาผักและเนื้อสัตว์จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงาน ติดลบน้อยลงจากราคาน้ำมันขายปลีกที่ทรงตัวมากขึ้น และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เป็นบวกใกล้เคียงกับเดือนก่อน
สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลตามดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ที่ขาดดุลตามการส่งกลับกำไรของบริษัทต่างชาติตามฤดูกาล ประกอบกับดุลการค้าเกินดุลลดลง ด้านตลาดแรงงานโดยรวมทรงตัว
- การบริโภคภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทน ลดลงจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งและยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เป็นสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อเพื่อรอโปรโมชัน และรถยนต์รุ่นใหม่ในงานมหกรรมยานยนต์ (Motor Expo) ด้านหมวดสินค้ากึ่งคงทน ลดลงทั้งยอดจำหน่ายสินค้ากึ่งคงทน และปริมาณการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมือง สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา นโยบายการค้าโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า
- การลงทุนภาคเอกชน
ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ปรับลดลงในทุกองค์ประกอบย่อย อย่างไรก็ดี หมวดก่อสร้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากหมวดที่มิใช่ที่อยู่อาศัยตามการก่อสร้างโรงงานในพื้นที่นิคมฯ และอาคารพาณิชย์ ขณะที่หมวดที่อยู่อาศัยทรงตัว
- จำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- การส่งออกสินค้า
อย่างไรก็ดี การส่งออกปิโตรเลียมปรับเพิ่มขึ้นจากการกลับมาเปิดโรงกลั่นน้ำมัน หลังปิดซ่อมบำรุงไปในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับการส่งออกยานยนต์เพิ่มขึ้น ตามส่งออกรถยนต์นั่งไปออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง รวมถึงรถกระบะและรถบรรทุกไปตะวันออกกลาง อาเซียน และออสเตรเลีย ทั้งนี้ การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลงเป็นเดือนแรกหลังภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้
- การนำเข้าสินค้า
- การผลิตภาคอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ดี การผลิตในกลุ่มที่การส่งออก น้อยกว่า 30% ปรับเพิ่มขึ้นจากหมวดปิโตรเลียม หลังโรงกลั่นน้ำมันทยอยกลับมาเปิดดำเนินการหลังปิดซ่อมบำรุง
- ภาคบริการ
- รายได้เกษตรกร
ผลผลิตลำไยที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น สำหรับผลผลิตสินค้าเกษตรโดยรวมขยายตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามผลผลิตลำไย และยางพารา
- การใช้จ่ายภาครัฐ
- ภาวะการเงิน
สำหรับต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ตั้งแต่ 1 ส.ค. ถึง 25 ก.ย.68 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวเฉลี่ยปรับลดลง ตามคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางเดือน ก.ย. ผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้นชั่วคราวจากการขายทำกำไรระยะสั้นของกองทุนรวม
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ด้านดัชนีค่าเงินบาท (NEER) เดือน ส.ค. และ ก.ย. 68 เฉลี่ยปรับแข็งค่าขึ้น ตามเงินบาทที่เคลื่อนไหวนำสกุลคู่ค้าคู่แข่งจากปัจจัยเฉพาะของไทย
- เสถียรภาพเศรษฐกิจ
ด้านภาวะตลาดแรงงาน การจ้างงานทรงตัวจากเดือนก่อน สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ใกล้เคียงเดือนก่อน ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ โดยการจ้างงานในธุรกิจก่อสร้าง ยังคงปรับลดลง
สำหรับสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรายใหม่และรวม ต่อผู้ประกันตนรวมปรับลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการสิ้นสุดระยะเวลาการรับเงินชดเชยกรณีว่างงาน สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลตามดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่ขาดดุลตามการส่งกลับกำไรไปต่างประเทศตามฤดูกาล ประกอบกับดุลการค้าเกินดุลลดลง ตามการส่งออกสินค้าที่เริ่มชะลอตัวแม้การนำเข้ายังขยายตัวสูง
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลง ตามภาคส่งออก-ท่องเที่ยว
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลง ตามภาคส่งออก-ท่องเที่ยว
น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป มีแนวโน้มชะลอลงจากการส่งออกสินค้า เนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่สร้างแรงกดดันเพิ่มเติม ต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคท่องเที่ยวที่เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการหลายธุรกิจอยู่ระหว่างการปรับตัว อาทิ ยานยนต์ และร้านอาหาร
ทั้งนี้ ระยะต่อไปมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1. การฟื้นตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม 2.ผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ 3.พัฒนาการในภาคการท่องเที่ยว และ 4. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)