
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ (1 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์ และดัชนี Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ปรับตัวลง หลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดเนื่องจากขาดงบประมาณ ซึ่งจะส่งผลให้ทางการสหรัฐฯ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญได้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 44,411.26 จุด ลดลง 521.37 จุด หรือ -1.16% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,882.78 จุด เพิ่มขึ้น 20.25 จุด หรือ +0.52%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.81% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียลดลง 0.2%
หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางหลีกเลี่ยงการถูกชัตดาวน์
ทั้งนี้ การชัตดาวน์ส่งผลให้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ต.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเช้าวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ (ทังกัน) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 14 ในไตรมาส 3/2568 จากระดับ 13 ในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเซรามิกและการต่อเรือ
ดัชนีทังกันซึ่งเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของบริษัทต่าง ๆ ในภาคการผลิต เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 15
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัทนอกภาคการผลิตซึ่งรวมถึงภาคบริการนั้น อยู่ที่ระดับ 34 ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับในไตรมาส 2 ซึ่งมีการสำรวจในเดือนมิ.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 68)