
ลอรี โลแกน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า คณะกรรมการเฟดควรใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย และตลาดแรงงานค่อนข้างมีความสมดุล
โลแกนกล่าวในงานเสวนาซึ่งเฟดสาขาดัลลัสจัดขึ้นในวันอังคาร (30 ก.ย.) ว่า เมื่อนำปัญหาเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ อุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่น และตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยมาพิจารณารวมกันแล้ว สถานการณ์เหล่านี้บ่งชี้ว่านโยบายการเงินของเฟดควรอยู่ในลักษณะคุมเข้มเล็กน้อย และอาจทำให้เฟดมีโอกาสไม่มากนักสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
โลแกนยังกล่าวด้วยว่า เธอสนับสนุนการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.ย. โดยเธอมองว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงที่ตลาดแรงงานจะเผชิญภาวะขาลง อย่างไรก็ดี โลแกนเตือนว่าการที่อัตราเงินเฟ้ออยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของเฟดมาเป็นเวลานานกว่า 4 ปี อาจทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวไม่เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย พร้อมกับกล่าวว่าอุปสงค์ในภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภคยังคงมีความยืดหยุ่น
ทั้งนี้ ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการ FOMC จะต้องยึดมั่นในภารกิจการฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% โดยการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น เฟดจำเป็นต้องปรับจุดยืนด้านนโยบายอย่างระมัดระวัง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม โลแกนยังไม่มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางที่จะกลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างสมบูรณ์ และมีหลักฐานว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
คณะกรรมการ FOMC มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 68)