
บริษัทลิเทียมอเมริกาส์ (Lithium Americas) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แถลงในวันนี้ (1 ต.ค.) ว่า ขณะนี้ กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ (DOE) ได้เข้าเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทเป็นจำนวน 5% ส่วนหนึ่ง และได้เข้าถือหุ้นในกิจการร่วมค้า (joint venture) โครงการเหมืองลิเทียมแท็กเกอร์พาส (Thacker Pass) ซึ่งทำร่วมกับบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) อีก 5% อีกส่วนหนึ่ง
แม้ไม่ได้มีการเปิดเผยมูลค่าของข้อตกลงนี้โดยรวม แต่ทางบริษัทลิเทียมอเมริกาส์ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับ DOE ว่าด้วยการเบิกเงินกู้งวดแรกเป็นจำนวน 435 ล้านดอลลาร์ จากวงเงินกู้ทั้งสิ้น 2.26 พันล้านดอลลาร์ที่เคยประกาศไว้แต่เดิม เพื่อนำไปใช้สนับสนุนการพัฒนาเหมืองแท็กเกอร์พาส
การเข้าถือหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทอินเทล (Intel) และเอ็มพี แมทีเรียลส์ (MP Materials) เมื่อไม่นานมานี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อจะส่งเสริมบรรดาอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวรอยเตอร์เคยรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทลิเทียมอเมริกาส์ว่าด้วยเรื่องการเข้าถือหุ้นนี้ ในขณะที่กำลังต่อรองเงื่อนไขของเงินกู้จากรัฐบาลมูลค่า 2.26 พันล้านดอลลาร์สำหรับเหมืองในรัฐเนวาดาแห่งนี้ ซึ่งถูกคาดหมายไว้ว่าจะกลายเป็นแหล่งแร่ลิเทียมสำหรับผลิตแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก
สำหรับบริษัท GM นั้น ได้ลงเงินไปกับเหมืองแห่งนี้เป็นจำนวน 625 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน เพื่อถือครองหุ้นอยู่ 38% และด้วยเหตุนี้จึงมีสิทธิ์ที่จะซื้อลิเทียมทั้งหมดที่ผลิตได้จากโครงการในระยะแรก กับอีกส่วนหนึ่งจากระยะที่สอง เป็นเวลานานถึง 20 ปี
ตามข่าวที่รอยเตอร์เคยรายงานไว้ก่อนหน้า เดิมทีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลได้พยายามเรียกร้องให้มีหลักประกันว่า บริษัท GM จะต้องรับซื้อแร่ลิเทียมดังกล่าวไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นเช่นไร ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ทางค่ายรถยนต์ได้คัดค้าน และเรื่องราวจึงได้นำไปสู่การเจรจาขอเข้าถือครองหุ้นในที่สุด
โครงการแท็กเกอร์พาสนี้ได้รับการสนับสนุนมาอย่างยาวนานจากทั้งพรรคการเมืองรีพับลิกันและเดโมแครต ในฐานะที่เป็นหนทางสำคัญที่จะช่วยเพิ่มการผลิตแร่ธาตุที่จำเป็นต่อยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ และเพื่อลดการพึ่งพาประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้แปรรูปลิเทียมรายใหญ่ที่สุดในโลก
อนึ่ง ประเทศจีนนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในห่วงโซ่อุปทานลิเทียมของโลก ด้วยกำลังการผลิตกว่า 40,000 เมตริกตันในแต่ละปี ทำให้จีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสามของโลกรองจากออสเตรเลียและชิลี แต่ทว่าอิทธิพลของจีนนั้นกลับมีมากกว่าอย่างเทียบไม่ติดในขั้นตอนการสกัดและแปรรูป ซึ่งจีนเป็นผู้แปรรูปลิเทียมกว่า 75% ของทั้งโลกให้กลายเป็นวัสดุเกรดที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ได้
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีกำลังการผลิตลิเทียมน้อยกว่า 5,000 เมตริกตันต่อปี จากโรงงานแห่งหนึ่งในรัฐเนวาดาซึ่งมีบริษัทอัลเบอมาร์ล (Albemarle) เป็นเจ้าของ ทว่าโครงการแท็กเกอร์พาสในระยะแรกเพียงระยะเดียว ก็คาดว่าจะสามารถผลิตลิเทียมคาร์บอเนตคุณภาพสูงสำหรับแบตเตอรี่ได้ถึง 40,000 เมตริกตันต่อปี อันเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับนำไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 800,000 คัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 68)