ชาติยุโรปรุมประณามอิสราเอล ปมสกัดขบวนเรือ “โฟลทิลลา” ที่มุ่งหน้าสู่กาซา

หลายประเทศในยุโรปพร้อมใจกันออกโรงเรียกร้องให้อิสราเอลรับประกันความปลอดภัยของพลเมืองชาติตนเองที่ร่วมเดินทางไปกับขบวนเรือช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มุ่งหน้าสู่ฉนวนกาซา หลังกองทัพอิสราเอลเข้าสกัดกั้นขบวนเรือ “โกลบอล ซูมูด โฟลทิลลา” (Global Sumud Flotilla หรือ GSF) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (1 ต.ค.)

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ขบวนเรือ GSF เป็นการรวมตัวของภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ ประกอบด้วยเรือพลเรือนราว 50 ลำ พร้อมอาสาสมัครกว่า 500 คน จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก มีเป้าหมายเพื่อท้าทายมาตรการปิดล้อมทางทะเลของอิสราเอล ด้วยการจัดส่งอาหารและเวชภัณฑ์ให้แก่ชาวปาเลสไตน์ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่ยังคงดำเนินอยู่

ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้ออกมายืนยันว่า ได้ทำการ “ควบคุมเรือหลายลำจากขบวนเรือ” ดังกล่าวจริง โดยระบุว่ากระบวนการเป็นไปอย่าง “ปลอดภัย” และกำลัง “นำตัวผู้โดยสารไปยังท่าเรือของอิสราเอล”

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดกระแสความไม่พอใจและกังวลใจไปทั่วยุโรป โดยโปรตุเกสยืนยันว่ามีพลเมืองของตน 3 รายถูกควบคุมตัว ซึ่งในจำนวนนี้มีสมาชิกรัฐสภารวมอยู่ด้วย ด้านประธานาธิบดีมาร์เซโล เรเบโล เด โซซา ให้คำมั่นว่าจะให้ “ความช่วยเหลือด้านกงสุลอย่างเต็มที่” ผ่านสถานทูตในกรุงเทลอาวีฟ เพื่อคุ้มครองสิทธิและดูแลให้พลเมืองเดินทางกลับประเทศอย่างปลอดภัย

ด้านอิตาลี กุยโด โครเซตโต รัฐมนตรีกลาโหม ได้ประณามการกระทำของอิสราเอล “อย่างรุนแรงที่สุด” เนื่องจากมีพลเมืองอิตาลีอยู่บนเรือด้วย พร้อมกันนี้ยังได้อนุมัติให้หน่วยรบของกองทัพเรือ “เข้าแทรกแซงโดยทันที” โดยกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือที่อาจจำเป็น

ขณะที่ฝรั่งเศสและสเปนก็ได้ร่วมแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้อิสราเอลรับรองความปลอดภัยของพลเมืองของตน คุ้มครองสิทธิตามหลักกงสุล และอำนวยความสะดวกให้สามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยเร็วที่สุด

ในช่วงค่ำวันพุธ ฝ่ายผู้จัดขบวนเรือได้ออกแถลงการณ์ผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม ประณามการกระทำของกองทัพอิสราเอลว่าเป็น “การรุกรานอย่างแข็งขัน” โดยให้ข้อมูลว่าเรือ “ฟลอริดา” ถูก “พุ่งชนกลางทะเลอย่างจงใจ” ขณะที่เรือลำอื่น ๆ เช่น “ยูลารา” และ “เมเทค” ถูกฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่

แม้จะไม่มีลูกเรือคนใดได้รับบาดเจ็บ แต่แถลงการณ์ระบุว่า “การโจมตีเรือเพื่อมนุษยธรรมที่ปราศจากอาวุธเช่นนี้ ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)