
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่แล้ว แต่ต่างชาติน่าจะยังรอดูความชัดเจนของนโยบายต่าง ๆ และอีกอย่างคือรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลชั่วคราวด้วย
ขณะเดียวกัน Valuation ของ SET ไม่ได้ถูก ระดับ P/E 14.4 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นในอาเซียนที่อยู่ในะดับเฉลี่ย 12.4 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นอื่นน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นไทย โดยต่างชาติขายสุทธิไปแล้วกว่า 9 หมื่นล้านบาท โดยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ขายสุทธิประมาณ 1 หมื่นล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ตลาดลดลงมาที่ 8 เท่า จาก 15 เท่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง สายงานวิจัย (นักกลยุทธ์การลงทุน) กล่าวว่า รัฐบาลใหม่มีงบประมาณอยู่ 7.3 หมื่นล้านบาท นำไปใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัส 6.6 หมื่นล้านบาท เหลืออีกเพียง 6-7 พันล้านบาท คาดหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่เพียงพอ ดังนั้น ควรจะเร่งกระตุ้นให้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รีบลงทุน
ตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ บล.บัวหลวง ให้เป้าหมายดัชนี SET อยู่ที่ 1,280-1,300 จุด เนื่องจากการส่งออกของไทยยังเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ โดยคาดว่าไตรมาส 3 การส่งออกจะชะลอลง และจะติดลบในไตรมาส 4 ส่วนในปี 69 มองดัชนี SET ที่ 1,440 จุด ครึ่งปีแรกก็ยังได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากการส่งออก แต่จะมีการลงทุนภาคเอกชนช่วยประคองไว้ จากยอดขอ BOI จะเริ่มทยอยลงทุนจริง โดยเฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ที่มียอดขอส่งเสริมการลงทุนมากตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
สำหรับธีมการลงทุนในไตรมาส 4/68 แนะนำธีมท่องเที่ยว กลุ่มหุ้นรับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่ง อาทิ CPAXT ได้ประโยชน์โดยตรง CPALL ได้ประโยชน์ทางอ้อม ICHI งบดีและได้ประโยชน์โดยตรง ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าน่าสนใจจากการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ WHAUP, GULF , BGRIM
นางสาววัชราภรณ์ กันทะพะเยา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง สายงานวิจัย (นักเศรษฐศาสตร์) กล่าวว่า บล.บัวหลวง ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 เป็น 1.8% จาก 1.4% จากยอดส่งออก 7 เดือนแรกเติบโต 14% ที่มีการเร่งการส่งออก และในช่วงครึ่งปีหลังเห็นส่งออกได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐ โดยคาดว่าปีนี้ยอดส่งออกจะเติบโตเพียง 5% และคาดว่าปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธ.ค. ในอัตรา 0.25%
ส่วนปี 69 คาดการณ์ GDP จะเติบโตชะลอลงเหลือ 1.6% จากยอดส่งออกโตเพียง 0.4-0.5% แต่จะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อสต๊อกสินค้าที่เร่งนำเข้าไปหมดลง ก็คาดว่าจะมียอดสั่งซื้อเข้ามาใหม่ ขณะที่การลงทุนเอกชนจะเติบโต โดยเฉพาะจากโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ซึ่งคาดว่าภาคอิเล็กทรอนิกส์ขะเข้ามาไทยมากขึ้นจากผู้ผลิตไต้หวันที่ย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียน ซึ่งไทยมีความพร้อมเรื่องซัพพลายเชนที่แข็งแรงกว่าประเทศอื่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)