ไทย-กัมพูชา: สมช. เคาะสร้างรั้วชายแดน โยนกองทัพตัดสินใจพิกัด-รูปแบบ คงมาตรการเปิด-ปิดด่าน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แถลงภายหลังประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติการสร้างรั้วตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนพิกัดที่ชัดเจนนั้น กองบัญชาการกองทัพไทย จะตัดสินใจว่าจะสร้างในช่วงไหน และเป็นรั้วแบบใด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ และความสะดวกของประชาชนในพื้นที่แถบนั้นด้วย

ส่วนนโยบายการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากบ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายคือต้องใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม และคำนึงถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่จะตามมา ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย จะขอหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“กรณีนี้เป็นชาวบ้านทั่วไป ไม่ใช่กองทัพ เราต้องคำนึงถึงวิถีชีวิต คนลำบากอยู่แล้ว มีทั้งเด็ก คนชรา สตรี…จะพยายามใช้กฎหมาย วันเวลาจะดำเนินการตามที่เราเห็นเหมาะสม ซึ่งจะไม่ใช่วันที่ 10 ตุลาคม ตามที่มีการเสนอมา” นายกรัฐมนตรี ระบุ

ส่วนที่มีการมองกันว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไม่ค่อยมีความคืบหน้านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าทางการเจรจา โดยจะเห็นได้จากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ โดยพูดถึงจุดยืนของประเทศไทยว่า และชี้แจงข้อเท็จจริงให้นานาชาติได้รับรู้อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะนำไปสู่การเจรจาที่ไทยจะต้องดำเนินการต่อไป

“ในส่วนของกองทัพ เราก็ต้องมีความพร้อม เราไปบอกที่เวทีสมัชชาสหประชาชาติว่า เราไม่ใช่ผู้รุกราน เราต่างหากถูกรุกราน ดังนั้นสถานะตรงนี้ของเรา ก็ต้องรักษาเอาไว้ แต่ในเรื่องการป้องกันอธิปไตยของเรา ทางกองทัพมีความพร้อม ขณะที่รัฐบาลก็ให้การสนับสนุน ตั้งแต่การประชุมครม.นัดแรก เมื่อวันที่ 30 ก.ย.” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนปฏิกิริยาของกัมพูชา ภายหลัง รมว.ต่างประเทศ ไปแสดงจุดยืนที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่ไทยได้ทำไป ได้เห็นการตอบรับกลับมา โดยมีการติดต่อมาของฝ่ายที่พยายามต้องการให้เกิดสันติภาพ

“ผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่พยายามติดต่อเจรจามา ทำอย่างนั้น อย่างนี้ นี่ก็คือการตอบรับ แม้ไม่ได้พูดกันโดยตรง แต่ก็มีการสื่อสาร ทำให้เรารับรู้รับทราบได้ว่า นี่คือสิ่งที่จะทำให้เดินไปสู่การตอบรับ และการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สถานการณ์ทั้ง 2 ประเทศดีขึ้น” นายอนุทิน ระบุ

อย่างไรก็ดี ไทยจะต้องหาวิธีเพื่อสื่อให้กัมพูชาได้รับรู้ว่า หากจะอยู่กันแบบนี้ ไทยก็พร้อม แต่ถ้าต้องการเห็นคุณภาพชีวิตประชาชนของเขาดีขึ้น ก็ต้องตอบรับเงื่อนไขของเรา

ด้านฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมของผลการประชุม สมช.ว่า การประชุมวันนี้มีวาระสำคัญ คือ การแก้ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยในหลักการได้เห็นชอบมาตรการต่อเนื่องจากมติเดิมที่ สมช.เคยทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านการทหาร มาตรการด้านชายแดน การเปิดปิดจุดผ่านแดน การคุมคน-สินค้าที่ยังคงดำเนินการอยู่ และเรื่องของการสื่อสารที่พยายามให้เป็นเอกภาพ

ขณะที่ด้านการต่างประเทศ ยังคงใช้การทูตเชิงรุก ตามที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้ดำเนินการไปแล้ว

ส่วนประเด็นเพิ่มเติมเรื่องของมาตรการเยียวยา จะทำให้ครอบคลุมกลุ่มที่อาจตกหล่นไป โดยจะมีอีกลักษณะผู้เสียชีวิตทางอ้อม คือ ผู้ที่มีความเครียด หรือกดดันที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล สมช. เพิ่มนิยามความหมายและดูแลกลุ่มคนดังกล่าวนี้ด้วย

พร้อมกันนี้ ที่ประชุม สมช. ยังมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ไปดูแลให้ความช่วยเหลือครัวเรือน ซึ่งมีผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 2,000 ครัวเรือน

อย่างไรก็ดี ในที่ประชุม สมช.วันนี้ ไม่ได้มีการหารือเรื่องการตั้งประธานคณะกรรมการ เขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)

นายฉัตรชัย ยังระบุว่า ที่ประชุม สมช.ได้เห็นชอบ ร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ในช่วง 3 ปี 2568-2570 ตามวงรอบที่กฎหมายกำหนด เป็นนโยบายที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นนโยบายที่จะชี้ทิศทางด้านความมั่นคง และการพัฒนา โดยจะมีการแปลเป็นภาษาต่างๆ 5 ภาษา เผยแพร่ไปทั่วโลก เพื่อจะสะท้อนว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยยึดหลักสันติวิธี ทั้งมุมมองการพัฒนาด้านความมั่นคง รวมไปถึงกระบวนการพูดคุยที่เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหลังจากนั้นกฎหมายฉบับนี้ มีความพิเศษที่กำหนดให้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะเป็นขั้นตอนต่อไป

พร้อมกันนี้ ที่ประชุม สมช.ยังเห็นชอบแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้คนใหม่ คือ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. ที่มีประสบการณ์แก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง โดยจะมีการฟอร์มทีมงาน และองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อดำเนินการกระบวนการพูดคุยต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)