MFC เปิดตัวกองทุนหุ้นบิ๊กแคปสหรัฐฯ เติบโตตามดัชนี S&P500 ขาย IPO 6-9 ต.ค.

นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดตัวกองทุนใหม่ “M-US500H” โอกาสลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 500 บริษัทในดัชนี S&P500 ผ่านกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF  จับจังหวะตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับฐานในเดือนกันยายน ชูค่าธรรมเนียมกองทุนต่ำ เหมาะวางเป็นพอร์ตการลงทุนหลัก เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว เปิดขาย IPO ระหว่าง 6-9 ตุลาคม 68 นี้

MFC มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นหุ้นเติบโตคุณภาพดี ยังมีศักยภาพเติบโตในอนาคต จึงนำเสนอกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส 500 Hedged หรือ M-US500H ซึ่งมีนโยบายลงทุนใน ETF ลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน S&P 500 อีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

กองทุน M-US500H มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก คือ iShares Core S&P 500 ETF ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนหลักเน้นลงทุน หุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 500 ตัว ตามดัชนี S&P500 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในสหรัฐอเมริกา จำนวน 500 บริษัท ซึ่งครอบคลุมประมาณ 80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นทั้งหมด และกระจายอยู่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วยหุ้นชั้นนำระดับโลก อาทิ Nvidia, Microsoft, Apple, Amazon, Meta,A, Broadcom, Alphabet, Berkshire Hathway, Telsa บริหารการลงทุนโดย Blackrock ผู้จัดการสินทรัพย์ และ ETF provider ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

จุดเด่นของกองทุน M-US500H นอกจากลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เกาะไปกับดัชนี S&P 500 ที่อ้างอิงจากหุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 500 บริษัทของสหรัฐฯ ตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) แล้ว กองทุน ETF ยังมีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำ จากการบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Fund) และมีโครงสร้างที่ช่วยลดภาระภาษี รวมทั้งสามารถใช้เป็นพอร์ตหลัก (Core Port) ของการลงทุนเพื่อมุ่งสู่การเติบโตในระยะยาว

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งสามดัชนีหลัก ดัชนี S&P 500 ดัชนี NASDAQ และดัชนี Dow Jones Industrial Average ทำจุดสูงสุดใหม่ ตลาดคาดหวัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายการเงินต่อเนื่อง หลังจากได้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. 2568 และข้อมูลตลาดแรงงานและจ้างงานล่าสุดที่ออกมาอ่อนแอ ยิ่งเพิ่มความหวังดอกเบี้ยลดลง

“ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม จากข้อมูลสถิติย้อนหลังพบว่า ตลาดมักมีการปรับฐานและเป็นเดือน ที่หุ้นมีโอกาสติดลบมากกว่าบวก จึงเพิ่มโอกาสในการเข้าลงทุนช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงและกองทุน M-US500H ลงทุนล้อไปกับดัชนีหุ้น S&P500 เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ดีที่สุด รวมทั้งการลงทุนในกองทุน ETF มีค่าใช้จ่ายด้านค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนบริหารจัดการแบบ Active (เชิงรุก) จึงช่วยหนุนผลการดำเนินงานโดยรวมของกองทุน” นายธนโชติ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานกองทุน iShares Core S&P 500 ETF ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (15 พฤษภาคม 2543) สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 8.02% และ 10 ปี ย้อนหลังอยู่ที่ 14.56%, 5 ปี ย้อนหลัง 14.71% และ 3 ปี ย้อนหลัง 19.51% (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 2568)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 68)