
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียใต้ในปี 2569 ลงสู่ระดับ 5.8% จากระดับ 6.6% ในปีนี้ เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้กับอินเดียได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมในภูมิภาค โดยอินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้
ธนาคารโลกระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในปี 2569 ถือเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 25 ปีของภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งไม่นับรวมช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
โจฮันเนส ซุทท์ รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าวว่า เอเชียใต้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างมาก และยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคแห่งนี้จำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อจัดการกับความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกเตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของเอเชียใต้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน การหยุดชะงักของแรงงานที่เกิดจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความไม่สงบทางสังคม
การปรับลดแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียใต้ มีขึ้นในขณะที่การเติบโตในอินเดีย มัลดีฟส์ และเนปาล มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับแรงกดดันในปีหน้า โดยมีสาเหตุมาจากแนวโน้มการส่งออกที่อ่อนแอ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร โดยปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากอินเดียในอัตราสูงถึง 50% เพื่อลงโทษรัฐบาลอินเดียที่ยังคงซื้อน้ำมันของรัสเซีย
มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ครอบคลุมสินค้าอินเดียที่ส่งไปยังสหรัฐฯ ในสัดส่วนมากกว่า 3 ใน 4 ซึ่งส่งผลกระทบมากที่สุดต่ออุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาแรงงาน เช่น สิ่งทอและอัญมณี
ทั้งนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดียจะขยายตัว 6.5% ในปี 2569 ซึ่งต่ำกว่าที่ธนาคารกลางอินเดียคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.8%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)