
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในวันอังคาร (7 ต.ค.) โดยราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ รวมทั้งความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการที่หน่วยงานของรัฐบาลถูกปิดดำเนินการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 28.1 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 4,004.4 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของปัญหาชัตดาวน์ที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะได้รับการแก้ไข โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 51%
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ตลอดจนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมือง การเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง เม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ด้านโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสู่ระดับ 4,900 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในเดือนธ.ค. 2569 จากเดิมที่ระดับ 4,300 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยระบุถึงเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF อย่างแข็งแกร่ง และการที่ธนาคารกลางมีแนวโน้มเดินหน้าซื้อทองคำ โดยล่าสุดมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนได้เพิ่มทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ในเดือนก.ย.
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ และปรับลดอีก 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.
ส่วนการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 7 ในวันอังคารและทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญต้องถูกเลื่อนออกไป ส่งผลให้นักลงทุนหันไปพึ่งพาข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงข้อมูลจากองค์กรอิสระ และการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงิน
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชนที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.30 น.ตามเวลาไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)