
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.) ว่า UN พร้อมยกระดับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกาซา หลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิง
กูเตอร์เรสกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า “สหประชาชาติจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เราและองค์กรพันธมิตรพร้อมปฏิบัติการทันที เรามีความพร้อมทั้งด้านความเชี่ยวชาญ เครือข่ายการกระจายความช่วยเหลือ และความสัมพันธ์ในระดับชุมชน สิ่งของบรรเทาทุกข์ได้รับการจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว และทีมงานของเราก็อยู่ในสถานะเตรียมพร้อม เราสามารถขยายความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำ เวชภัณฑ์ และที่พักพิงได้ในทันที”
อย่างไรก็ตาม กูเตอร์เรสเน้นย้ำว่า เสียงปืนที่เงียบลงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้การหยุดยิงครั้งนี้กลายเป็นความก้าวหน้าที่แท้จริง โดยกล่าวว่า “เราต้องการการเข้าถึงอย่างเต็มรูปแบบ ปลอดภัย และต่อเนื่องสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรม การขจัดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนและอุปสรรคต่าง ๆ และการบูรณะโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายยับเยินขึ้นมาใหม่ และเราต้องการให้รัฐสมาชิก (ของ UN) รับประกันว่า ปฏิบัติการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะได้รับเงินทุนสนับสนุนที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการอันมหาศาลนี้”
กูเตอร์เรสชี้ว่า สำหรับทั้งชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ ข้อตกลงนี้เปรียบเสมือนประกายแสงแห่งความโล่งใจ ประกายแสงนี้จะต้องกลายเป็นรุ่งอรุณแห่งสันติภาพ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดสงครามอันเลวร้ายนี้
“ผมขอเรียกร้องให้ทุกท่านใช้โอกาสอันสำคัญยิ่งนี้เพื่อสร้างเส้นทางทางการเมืองที่น่าเชื่อถือต่อไป เส้นทางสู่การยุติการยึดครอง การรับรองสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเองของชาวปาเลสไตน์ และการบรรลุทางออกแบบสองรัฐ เส้นทางสู่สันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ตลอดจนสันติภาพและความมั่นคงในวงกว้างยิ่งขึ้นในตะวันออกกลาง” กูเตอร์เรสกล่าว
กูเตอร์เรสแสดงความยินดีกับการประกาศข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาและการปล่อยตัวตัวประกันเมื่อวันพุธ (8 ต.ค.) ตามข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ กูเตอร์เรสยังชื่นชมความพยายามทางการทูตของสหรัฐฯ กาตาร์ อียิปต์ และตุรกี ในการเป็นตัวกลางในการผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าครั้งนี้
ทั้งนี้ กูเตอร์เรสเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงอย่างเคร่งครัด และเปิดรับโอกาสต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับข้อตกลงนี้อย่างเต็มที่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 68)