
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบเส้นทางและแหล่งที่มาของเงินเทา ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ภายใต้การเชื่อมโยงข้อมูล (Connect the Dots) ร่วมระหว่างหลายหน่วยงานว่า ได้มีการประชุมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งครั้งต่อไปจะต้องเชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมประชุมด้วย เพื่อกำหนดกรอบกติกาการทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้ ได้ตั้งกรอบการทำงานว่าจะต้องมีข้อสรุปภายในเดือนธ.ค.นี้ และนำรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจได้รับทราบด้วย
“การจะ connect the dot นั้น ต้องเชิญ ก.ล.ต. เชิญ ปปง. ซึ่งต้องดูแลในส่วนนี้ด้วย จะเป็นการมาตกลงกันว่าจะกำหนดกรอบกติกา การทำงานร่วมกันอย่างไร โดยให้กรอบแนวทางว่าต้องให้เสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้ และมารายงานในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจด้วย” นายเอกนิติ ระบุ
นายเอกนิติ ยังได้กล่าวในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาภาษีสหรัฐฯ ด้วยว่า ได้หารือนอกรอบกับนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ และภาคเอกชน ซึ่งทุกคนตั้งใจจะมาช่วยกัน โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่า สิ่งที่ไทยเคยเจรจาภาษีไว้ได้ที่ 19% นั้น พยายามทำต่อให้ดี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการลงรายละเอียด เช่น สินค้าบางชนิด อาจดึงออกมาอยู่ในเอกสารแนบท้าย ไม่ต้องรวมไว้ในรายการภาษี 19% ซึ่งเป็นแนวทางที่กำลังพิจารณา และกำลังหารือกับภาคเอกชน
พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการรื้อรายละเอียดออกมาทำใหม่ เนื่องจากกรอบนโยบายได้ผ่านความเห็นจากคณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้ก็จะลงในรายละเอียดต่อไป
“คงไม่ได้รื้อ เพราะกรอบนโยบายผ่านครม.ชุดก่อนแล้ว วันนี้เป็นหน้าที่เราลงรายละเอียด ผมในฐานะหวหน้าทีมนโยบาย จะลงรายละเอียดว่าสินค้าประเภทไหน ที่ประเทศไทยสามารถได้ประโยชน์สูงสุด จะมีการดูแลผู้ประกอบการอย่างไร” นายเอกนิติ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)