
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคประชาชนจะลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกร่างเพื่อไปคุยกันต่อวาระในชั้นกรรมาธิการ โดยเสนอให้ใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก เพื่อทำให้เก็บนาฬิกาเรือนนี้หมุนต่อไปด้วยมือของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ได้หมุนด้วยมือของนักการเมือง
วันนี้ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา ต่างแสดงเจตจำนงร่วมกันว่ายินดีที่จะรับทุกร่างเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวาระที่สอง นี่คือจังหวะที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้นาฬิกาของประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งตนและพรรคประชาชนขอเสนอว่าให้ใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลักในการพิจารณา เพราะสิ่งที่พรรคประชาชนคิดมานั้นทำได้ และมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด
แม้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันก็ไม่เป็นไร แต่หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ชื่อของผู้ยกร่างว่าจะเรียกว่าอะไร แต่อยู่ที่กระบวนการในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตั้งแต่ชั้นการยกร่างจนถึงชั้นสอบถามประชาชนผ่านการออกเสียงประชามติว่ามีความยึดโยงกับประชาชนมากน้อยขนาดไหนต่างหาก
“หากวันนี้เราปล่อยให้ความกลัวเป็นตัวกำหนดอนาคตของประเทศ ประเทศไทยจะไม่มีวันเริ่มเดินหน้าอะไรใหม่ได้เลย และผมมั่นใจว่าเราสามารถทำให้ร่างจากทุกพรรคที่จะออกมาจากวาระที่สองในชั้นกรรมาธิการเป็นร่างที่ทำได้ เพียงแต่วันนี้เราจะต้องไม่ปิดประตูแห่งความเป็นไปได้ของตัวเอง ผมอาจสัญญาไม่ได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ได้จากกระบวนการที่กำลังทำในวันนี้นั้นจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับปลายทางในฝันของใครหลายคน แต่ผมมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่ากระบวนการที่เราเริ่มทำกันในวันนี้จะเป็นการหมุนเข็มนาฬิกาของประเทศไทยให้เดินหน้าต่อจริง ๆ เพื่อให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด และเป็นตัวแทนฉันตามมติใหม่ของประเทศ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
พร้อมย้ำว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็น “จุดเริ่มต้นของการปลดล็อกประเทศ” เพื่อเปิดทางให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรมุ่งสร้าง “ประเทศไทยที่น่าอยู่” ผ่านการกระจายอำนาจ การคุ้มครองสิทธิประชาชน และการบริหารราชการที่โปร่งใส ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ พร้อมปลดล็อกมรดก คสช. เช่น ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ปรับโครงสร้างศาลและองค์กรอิสระให้สอดคล้องหลักสากล และปฏิรูประบบเลือกตั้ง-พรรคการเมืองให้สะท้อนเจตจำนงประชาชนอย่างแท้จริง
ข้อคิดสำคัญที่พรรคประชาชนใช้ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ ความเชื่อว่าการเมืองคือเรื่องของความเป็นไปได้ที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการเมืองแห่งความเป็นจริง จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามไม่ให้มี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนจึงนำมาสู่ข้อเสนอของพรรคประชาชนที่ให้มีคณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมคือรัฐสภาเลือกมา แม้อาจทำให้หลายคนกังวลว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้อาจไม่นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับปลายทางในฝันของหลายคน สิ่งที่ตนและพรรคประชาชนใช้ในการตัดสินใจ ไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานว่าอยากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่การลงมติในวันนี้คือเรื่องของความเป็นไปได้ในการหมุนเข็มนาฬิกาของประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไป การลงมติในวันนี้จะเป็นการปลดโซ่ตรวนทุกอย่าง
สำหรับข้อห่วงใยจากสมาชิกหลายคนที่มีการอภิปรายมาว่าร่างฯ ของพรรคประชาชนจะทำจริงได้หรือไม่ ซึ่งตนและ สส.พรรคประชาชนก็เห็นด้วยว่าอยากให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำได้ และตนยืนยันว่าผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมสามารถทำได้ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนสามารถทำได้ ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
แม้รัฐธรรมนูญที่จะได้จากกระบวนการในครั้งนี้อาจไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปลายทางในฝันของใครหลายคน แต่การลงมติในวันนี้จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้ เพราะจะเป็นการเปิดประตูเริ่มนับหนึ่งในการลบล้างมรดก คสช. เช่น การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นจุดเริ่มต้นของการยกเลิกนิติสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขในหมวดศาลและองค์กรอิสระให้มีความยึดโยงกับประชาชนและเป็นไปตามหลักสากล
“ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคใดจะเข้ามาเป็นรัฐบาล หากประเทศไทยยังไม่ริเริ่มกระบวนการในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่วันนี้ เข็มนาฬิกาของประเทศไทยก็จะยังคงหยุดนิ่งต่อไป…เข็มนาฬิกาของประเทศไทยควรถูกหมุนต่อด้วยมือของประชาชน ไม่ใช่มือของนักการเมือง เพื่อให้ประเทศนี้เดินหน้าอย่างแท้จริง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)