9 เดือนแรกปีนี้ ต่างชาติลงทุนในไทย เพิ่มขึ้น 21% ญี่ปุ่นยังไม่เสียแชมป์!

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปี 68 (ม.ค.-ก.ย.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (เฉพาะธุรกิจที่กำหนดให้ต้องขออนุญาต) จำนวน 770 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 201 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 569 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 253,116 ล้านบาท

ทั้งนี้ การอนุญาตฯ ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจำนวน 134 ราย (คิดเป็น 21%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 67 (636 ราย) และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 118,311 ล้านบาท (88%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 67 (134,805 ล้านบาท)

สำหรับประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 142 ราย คิดเป็น 18% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 76,397 ล้านบาท

2. สหรัฐอเมริกา 116 ราย คิดเป็น 15% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,368 ล้านบาท

3. สิงคโปร์ 108 ราย คิดเป็น 14% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 86,550 ล้านบาท

4. จีน 99 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 21,925 ล้านบาท

5. ฮ่องกง 82 ราย คิดเป็น 11% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 12,624 ล้านบาท

ส่วนประเทศอื่น ๆ มีทั้งหมด 223 ราย คิดเป็น 29% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 51,252 ล้านบาท

หากพิจารณาเฉพาะในเดือนก.ย. 68 พบว่า มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย 83 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 63 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 27,580 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ตามลำดับ

สำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ช่วง 9 เดือนของปี 68 (ม.ค.-ก.ย.) ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มีจำนวน 222 ราย คิดเป็น 29% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 15 ราย จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 67 คิดเป็น 7% มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 82,264 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด

โดยแบ่งเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน 55 ราย เงินลงทุน 15,665 ล้านบาท ญี่ปุ่น 52 ราย เงินลงทุน 28,919 ล้านบาท สิงคโปร์ 26 ราย เงินลงทุน 15,853 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 89 ราย เงินลงทุน 21,827 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)