เศรษฐกิจมาเลเซียโตเกินคาด 5.2% ใน Q3 รับดีมานด์โตแกร่ง แม้เผชิญภาษีทรัมป์

สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย รายงานในวันนี้ (17 ต.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 5.2% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในไตรมาส 2 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการเติบโตในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออก แม้มาเลเซียเผชิญกับภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ในอัตราที่สูงขึ้นก็ตาม

โมฮัด อูซีร์ มาฮิดีน หัวหน้านักสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย กล่าวว่า อุปสงค์ภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดราชการและช่วงปิดภาคเรียน พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ความต่อเนื่องของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและอุปสงค์สินค้ามาเลเซียในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นนั้น ยังช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ต้องเผชิญกับนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนก็ตาม

นอกจากนี้ ตัวเลขการค้าของมาเลเซียในเดือนก.ย.แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่มาเลเซียถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 19% โดยยอดส่งออกเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 12.2% แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะนี้การนำเข้าดีดตัวขึ้น 7.3% ส่งผลให้มาเลเซียมียอดเกินดุลการค้า 1.986 หมื่นล้านริงกิต (4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซียระบุว่า การส่งออกสินค้าในทุกภาคส่วนทำสถิติสูงสุดในเดือนก.ย.

ข้อมูลล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศใช้กับประเทศทั่วโลกยังไม่สามารถหยุดยั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้จนถึงขณะนี้ แม้บางประเทศจะเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงมากก็ตาม โดยเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 8.23% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์แม้จะชะลอลงสู่ระดับ 2.9% ในไตรมาส 3 แต่ก็ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 68)