BOI จัดทำระบบ Thailand FastPass เร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันลบ.

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ชุดใหม่ ซึ่งมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังเป็นประธาน มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการลงทุน เพื่อสนับสนุนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยบีโอไอจะตั้งทีมพิเศษ เพื่อติดตามและเร่งรัดการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566-2567 แต่ยังติดปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนจำนวนกว่า 70 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล (ดาต้าเซ็นเตอร์) อิเล็กทรอนิกส์ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า และกิจการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม

พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค 3 ด้าน ได้แก่ ด้านไฟฟ้า ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน และด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญร่วมกันของนักลงทุนในทุกอุตสาหกรรม โดยมีเลขาธิการบีโอไอเป็นประธาน เพื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปลดล็อคอุปสรรคเหล่านี้โดยเร็ว

นอกจากนี้ บีโอไอ จะดำเนินการจัดทำระบบ Thailand FastPass เพื่อเป็นกลไกที่จะใช้ต่อเนื่องระยะยาวในการเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญ โดยจะวิเคราะห์เส้นทางการประกอบธุรกิจของอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกำหนดขั้นตอนการอนุมัติ/ อนุญาตที่มีผลต่อการเริ่มต้นธุรกิจ จากนั้นจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) เพื่อเป็นช่องทางพิเศษในการช่วยเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญให้ได้รับอนุญาตตามกรอบเวลาที่กำหนดใน SLA และสามารถเดินหน้าลงทุนจริงอย่างรวดเร็วที่สุด

ทั้งนี้ บอร์ดบีโอไอได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกโครงการเข้าสู่ระบบ “Thailand FastPass” ซึ่งต้องเป็นโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์และชิ้นส่วน เซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดิจิทัลและ AI เป็นต้น อีกทั้งเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยในระดับสูง เช่น การจ้างงานบุคลากรไทย การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในประเทศ และการยกระดับเทคโนโลยี

“มาตรการเร่งรัดการลงทุน จะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการสร้างกลไก Thailand FastPass ซึ่งจะเป็นอาวุธใหม่ในการดึงดูดการลงทุนของประเทศไทย และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเร่งรัดการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความสำคัญต่อประเทศ โดยจะช่วยแก้ปัญหา ลดขั้นตอน และระยะเวลา และเพิ่มความชัดเจนในกระบวนการอนุมัติและอนุญาตต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนใหม่อย่างรวดเร็ว และเห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านเม็ดเงินลงทุน การจ้างงาน และการยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล” นายนฤตม์ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 68)