
ข้อมูลจากสำนักงานสถิตินิวซีแลนด์ (Stats NZ) ที่เปิดเผยในวันนี้ (20 ต.ค.) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อประจำปีของนิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 3% ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนก.ย. 2568 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการแตะเพดานสูงสุดของกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางนิวซีแลนด์กำหนดไว้ที่ 1-3%
ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดนี้เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.7% ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี และถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสเดือนมิ.ย. 2567 ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ 3.3%
ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นมาจากกลุ่มที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าไฟฟ้า ค่าเช่า และภาษีท้องถิ่น ซึ่งทั้งสามรายการนี้มีสัดส่วนน้ำหนักรวมกันราว 17% ในตะกร้าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของประเทศ
ข้อมูลสถิติชี้ชัดว่า ราคาค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นถึง 11.3% ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายปีที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสเดือนมี.ค. 2532 (ค.ศ. 1989) ที่เคยพุ่งขึ้น 12.8%
นิโคลา โกรว์เดน โฆษกด้านราคาและตัวปรับค่าของ Stats NZ ให้ความเห็นว่า “การเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้ารายปีอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ในตลาดไฟฟ้า”
อย่างไรก็ดี Stats NZ ระบุว่า ราคาสินค้าในกลุ่มยา อุปกรณ์โทรคมนาคม และน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวลดลงได้ช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านต้นทุนไปได้ส่วนหนึ่ง ขณะที่เมื่อพิจารณาเป็นรายไตรมาส ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาษีท้องถิ่นที่สูงขึ้น และราคาผักที่พุ่งขึ้นถึง 12.2% ตามปัจจัยฤดูกาล
ด้านคริส บิชอป รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ กล่าวแสดงความคาดหวังว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าครองชีพของภาคครัวเรือนและต้นทุนของภาคธุรกิจต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 68)