เปิดฉากประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน มุ่งจัดทำแผน 5 ปีฉบับใหม่ กำหนดอนาคตจีน-โลก

ผู้นำจีนเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคมนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ซึ่งเป็นแผนนโยบายที่จะกำหนดทิศทางหลักของการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ตลอดจนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ

การประชุมนี้รู้จักกันในชื่อ การประชุมเต็มคณะ (Plenary Session หรือ Plenum) ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 20 เป็นการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 นับตั้งแต่คณะกรรมการชุดนี้ได้รับเลือกในปี 2565

การประชุมเต็มคณะคืออะไร? แผน 5 ปีของจีนคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร? สำนักข่าวซินหัวได้ให้คำตอบไว้ ดังนี้

 

การประชุมเต็มคณะคืออะไร?

สำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีสมาชิกกว่า 100 ล้านคน สมัชชาแห่งชาติ (National Congress) และคณะกรรมการกลาง (Central Committee) ที่ได้รับการเลือกจากสมัชชา ถือเป็นองค์กรสูงสุด

เนื่องจากสมัชชาแห่งชาติกำหนดจัดการประชุมทุก ๆ 5 ปี คณะกรรมการกลางจึงทำหน้าที่แทนในระหว่างปิดสมัยประชุม ด้วยการจัดการประชุมที่เรียกว่า “การประชุมเต็มคณะ” อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตัดสินใจในประเด็นสำคัญ ๆ เกี่ยวกับนโยบาย

คณะกรรมการกลางชุดปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำพรรคระดับมณฑล ผู้ว่าราชการ และรัฐมนตรี นอกจากนี้ สมาชิกสำรองของคณะกรรมการกลาง ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เข้ารับตำแหน่งเมื่อมีตำแหน่งว่าง ได้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะด้วย

สำหรับการประชุมเต็มคณะครั้งนี้ วาระการประชุมระบุว่า ที่ประชุมจะรับฟังรายงานการปฏิบัติงานจากกรมการเมือง (Political Bureau) ของคณะกรรมการกลาง CPC และจะพิจารณาข้อเสนอสำหรับการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 (ปี 2569–2573)

ข้อเสนอสำหรับแผน 5 ปีฉบับใหม่จะถูกเผยแพร่หลังการประชุม ส่วนแผนฉบับสมบูรณ์คาดว่าจะมีการเปิดเผยในเดือนมีนาคม โดยจะมีการทบทวนและอนุมัติโดยสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress) ซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติสูงสุดของจีน

 

แผนระยะ 5 ปีของจีนคืออะไร?

การกำหนดและดำเนินการตามแผนระยะ 5 ปีถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญด้านการปกครองของพรรค CPC ซึ่งช่วยให้จีนสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่สอดประสานกันในระยะกลางและระยะยาว

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แนวทางนี้ช่วยรักษาความต่อเนื่องและความมั่นคงของนโยบายไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ และช่วยให้สามารถ จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ

จีนเริ่มใช้แผนระยะ 5 ปีครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2496 และมีแผนมาแล้ว 14 ฉบับ แม้ว่าหลังจากเริ่มปฏิรูปและเปิดประเทศในปี 2521 พร้อมพัฒนาระบบเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม แต่จีนไม่ได้ละทิ้งแนวทางการวางแผน 5 ปีดังกล่าว ในทางกลับกัน จีนยังคงเดินหน้าปฏิรูปและปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แผนระยะ 5 ปีของจีนได้นำทางประเทศสู่ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการครองชีพ ตั้งแต่การสร้างความมั่นใจว่าประเทศมีอาหารและเครื่องนุ่งห่มเพียงพอสำหรับประชาชนหลังเสร็จสิ้นแผน 5 ปี ฉบับที่ 6 และ 7 ในช่วงทศวรรษ 1980 (ปีพ.ศ. 2523-2532) ไปจนถึงการขับเคลื่อนให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจรวมของจีนก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกในช่วงแผน 5 ปีฉบับที่ 11 (ปี 2549-2553)

หลี่ จงเจี๋ย ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พรรค CPC ระบุว่า จีนสามารถขับเคลื่อนความทันสมัยให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องผ่านแผน 5 ปีฉบับต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงและต่อยอดซึ่งกันและกัน

สำหรับแผน 5 ปี ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) ได้มีการแหวกธรรมเนียมปฏิบัติโดยไม่ได้กำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณสำหรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) แต่ได้อธิบายถึงการเติบโตที่คาดหวังในเงื่อนไขที่กว้างขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อเน้นย้ำคุณภาพมากกว่าความเร็ว

ด้วยเหตุที่แผนระยะ 5 ปีมีบทบาทในวงกว้าง จึงใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาแผนแต่ละฉบับ โดยผนวกรวมการวิจัย การทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ การประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ

ตง หยู รองคณบดีฝ่ายบริหารของสถาบันวางแผนการพัฒนาจีน มหาวิทยาลัยชิงหวา กล่าวว่า หลังจากที่แผนระดับชาติกำหนดภารกิจหลักแล้ว แผนเฉพาะด้านและแผนระดับท้องถิ่นจะนำแผนระดับชาติดังกล่าวมาแยกย่อยเป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติได้ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตงกล่าวเสริมว่า แผน 5 ปีไม่ได้เป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษ แต่ “เป็นระบบที่บูรณาการอย่างสมบูรณ์สำหรับการเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นความจริง”

แผน 5 ปียังกลายเป็นหน้าต่างที่สำคัญสำหรับประเทศอื่น ๆ ในการสังเกตประเทศจีนและนำประสบการณ์การพัฒนาของจีนไปเป็นแบบอย่าง แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของจีนทำให้หลาย ๆ ประเทศนำไปปรับใช้ในการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาในระยะกลางถึงระยะยาวของตนเอง

 

สิ่งที่คาดหวังจากแผน 5 ปี ฉบับที่ 15

แผน 5 ปี ฉบับที่ 15 มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเหลือเวลาเพียง 10 ปีก่อนถึงปี 2578 ซึ่งเป็นปีที่จีนตั้งเป้าหมาย “บรรลุผลการพัฒนาประเทศสังคมที่ทันสมัย”

แผนฉบับที่ 15 ซึ่งครอบคลุมช่วงปี 2569-2573 จะถูกจัดทำผ่านการประเมินแนวโน้มของโลกอย่างครอบคลุม และจะทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับการพัฒนาของจีนให้สอดคล้องกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป

แผนฉบับนี้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงซึ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยจะมีการร่างเป้าหมายและมาตรการหลัก ๆ สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี การดำรงชีวิตของผู้คน และด้านอื่น ๆ

และด้วยการที่จีนมุ่งเน้นการบ่มเพาะกำลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพและปรับให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น จึงคาดว่าแผน 5 ปี ฉบับที่ 15 จะต่อยอดความพยายามดังกล่าวเพื่อปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมให้ทันสมัย โดยจะมีการออกมาตรการแบบมุ่งเป้าเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจที่แท้จริง ยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิม ส่งเสริมภาคส่วนที่กำลังเติบโต และวางโครงสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างมีกลยุทธ์

ในขณะเดียวกัน แผนฉบับใหม่นี้ยังมุ่งหวังที่จะยกระดับระบบนวัตกรรมแห่งชาติ และส่งเสริมการพัฒนาแบบบูรณาการระหว่างการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และบุคลากรที่มีความสามารถ

การป้องกันความเสี่ยง และการรับมือกับความท้าทายทั้งในและต่างประเทศ จะเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในแผน 5 ปีฉบับนี้ เนื่องจากการพัฒนาและความมั่นคงมีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทางอนาคตของจีนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 68)