
ราคาทองคำปรับตัวลงในวันนี้ (21 ต.ค.) จากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) จากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยังคงแข็งแกร่ง
ณ เวลา 09.48 น. ตามเวลาประเทศไทย ราคาทองคำสปอตลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 4,340.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 4,381.21 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.1% มาอยู่ที่ 4,356.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นักวิเคราะห์มองว่าแรงขายทำกำไรและการชะลอตัวของกระแสการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในวันนี้ แต่ตลาดยังเชื่อว่าการปรับฐานของราคาทองคำเป็นโอกาสเข้าซื้อ เนื่องจากเฟดยังมีแนวโน้มดำเนินนโยบายลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย เช่น ทองคำ
ข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนนี้ และอาจลดอีกครั้งในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์ระบุเพิ่มเติมว่า แนวโน้มราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก หากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ (24 ต.ค.) ไม่ออกมาสูงเกินคาด โดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่ช้ากว่ากำหนดเดิมเนื่องจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 20 จนถึงเมื่อวานนี้ หลังวุฒิสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณเป็นครั้งที่ 10 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายชุดล่าช้า และสร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุนก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลอาจสิ้นสุดภายในสัปดาห์นี้
ในอีกด้านหนึ่งนั้น สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มีกำหนดพบกับ เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ณ ประเทศมาเลเซียภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือและพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 68)