
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.งกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ว่าการหารือในครั้งนี้มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยฝ่ายไทยสามารถโน้มน้าวให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงเดิม และเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่สามารถนำไปดำเนินการได้จริง ทั้งการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง พร้อมจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงาน หรือทีโออาร์ สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน และมีการลงนามรับรองโดยผู้แทนทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นชอบในแผนปฏิบัติการร่วม โดยมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชาขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติขั้นต้นจะหารือเพิ่มเติมในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ทั้งสองประเทศได้จัดทำระเบียบปฏิบัติตามมาตรฐาน ครอบคลุมพื้นที่ที่มีเขตแดนชัดเจนและพื้นที่ที่ยังมีข้อขัดแย้ง โดยจะเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ได้ทันที เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน ฝ่ายไทยยืนยันว่า จะไม่ให้นำปัญหาเขตแดนมาเป็นข้อจำกัดในการดำเนินงาน
ขณะที่ การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม ตำรวจทั้งสองประเทศ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกันเสร็จสิ้น และเตรียมจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจภายในสองสัปดาห์ เพื่อกวาดล้างแกนนำและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งวางระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล พยานหลักฐาน และผู้เสียหาย เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สำหรับการจัดการพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบส่งเจ้าหน้าที่ร่วมสำรวจแนวเส้นเขตแดน ระหว่างหลักเขตที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง โดยฝ่ายไทยจะดำเนินการสร้างรั้วชายแดนในพื้นที่ที่มีเส้นเขตแดนชัดเจน เพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ย้ำว่า ไทยต้องการเห็นความคืบหน้าในทุกด้าน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยุติความเป็นปรปักษ์ พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันนำสันติสุขกลับคืนสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ และเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียนรัฐบาลไทยและกระทรวงกลาโหม ยืนยัน จะพิทักษ์รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ โดยคำนึงถึงเกียรติภูมิของประเทศไทยเป็นสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ต.ค. 68)