Talktime: แฉ ! บิลรพ.เอกชน ค่ายาแพง – ค่าหมอพุ่ง ทำไมคุมไม่ได้ ?

“30 ล้านบาท” ไม่ใช่ตัวเลขเงินรางวัล แต่คือตัวเลขบิลค่ารักษาพยาบาลในรพ.เอกชนแห่งหนึ่งที่พุ่งสูงทะลุเจ็ดหลัก ซึ่งทางผู้ใช้บริการได้เข้ามาร้องเรียนกับ “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ถึงปัญหาดังกล่าว ที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ

การเข้ารับการรักษาในรพ.เอกชนเป็นที่รู้กันว่ามีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ใครที่จะตัดสินใจเข้าไปใช้บริการอาจต้องมีความพร้อมเรื่องฐานะทางการเงินมากพอสมควร แต่หากลองมองลึกเข้าไปในทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปนั้นมันประกอบไปด้วยค่าอะไรบ้าง และราคาที่ต้องจ่ายนั้น สมเหตุสมผลหรือเปล่า ?

“Talk Time” EP.นี้ จะพามาเสาะหาความจริงกับนางสาวมลฤดี โพธิ์อินทร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค ว่าแท้จริงแล้วบิลค่ารักษาพยาบาลในรพ.เอกชนมัน “แพง” ที่ตรงไหน และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคได้อย่างไร รวมถึงวิเคราะห์นโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ออกมา ว่าจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดหรือไม่ !?

๐ ความเดือดร้อนที่ผู้บริโภคต้องเผชิญ

ตลอดระยะเวลา 4 ปีของการก่อตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนที่มีราคาค่อนข้างสูงเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยจากสถิติตั้งแต่เดือน ม.ค. 64 ถึง พ.ค. 68 มีผู้ร้องเรียนทั้งสิน 40 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 25 ล้านบาท

“แม้โรงพยาบาลจะมีการแจ้งค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภคตัดสินใจก่อนเข้ารับการรักษา ก็ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่า ผู้บริโภคจะมีสิทธิ์ในการต่อรอง เพราะผู้บริโภคไม่สามารถตรวจสอบราคาที่แท้จริงได้ และยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจไม่มีเวลาเปรียบเทียบราคากับที่อื่นได้” นางสาวมลฤดีกล่าว

๐ คำว่า “แพง” แพงจากอะไร ?

1) ค่ายา : ที่คนมักจะคิดว่าเป็นสิ่งที่แพงที่สุดในบิล แต่แท้จริงแล้วยังไม่ใช่ ?

2) ค่าเวชภัณฑ์ ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ : ยกตัวอย่าง “ก้อนสำลี” ที่ปกติราคาไม่ถึง 50 สตางค์ต่อก้อน แต่เมื่ออยู่ในรพ.เอกชน ราคากลับกลายเป็นก้อนละ 10 บาท แล้วอยากให้นึกภาพตามถึงการผ่าตัดใหญ่แต่ละครั้ง ต้องใช้ก้อนสำลีทั้งหมดกี่ก้อน ?

3) ค่าธรรมเนียมแพทย์ : คิดเป็น 45.23% ของค่ารักษาทั้งหมด ! หากดูในบิล จะพบศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าคืออะไร แต่มีราคาเป็นหมื่น

๐ คำว่า “แพง” ไปได้ไกลถึง 30 ล้าน

เคสที่เดือดร้อนหนัก ๆ คือผู้ปกครองพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน เริ่มแรกทางโรงพยาบาลได้แจ้งค่ารักษาไว้ที่ 2.2 ล้านบาท ซึ่งทางผู้บริโภคประเมินแล้วว่าจ่ายไหวจึงเริ่มการรักษา แต่ด้วยความซับซ้อนของโรคทำให้ต้องรักษาต่อเนื่อง สุดท้ายลูกเสียชีวิต และบิลค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงเกือบ 30 ล้านบาท ซึ่งเคสนี้ยังไม่จบ และน่าจะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป

๐ แท้ที่จริงสามารถคุมราคาได้ตั้งนานแล้ว ?

“แนวคิดของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการควบคุมราคายานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะอันที่จริงกระทรวงฯ มีอำนาจควบคุมราคาสินค้าดังกล่าวอยู่แล้ว” นางสาวมลฤดีกล่าว

ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ซึ่งออกตามมาตรา 24 ได้กำหนด ยารักษาโรคและเวชภัณฑ์เป็นสินค้าควบคุมราคา เช่นเดียวกับสินค้าควบคุมอื่น ๆ อย่าง ไข่ไก่ หรือเนื้อหมู ที่มีการกำหนดว่าห้ามขายเกินเพดานราคานี้

กล่าวคือ ที่ผ่านมาได้ให้โรงพยาบาลเอกชนแจ้งราคาให้ทราบก่อนรักษาเท่านั้น แต่ไม่ได้ลงมือควบคุมราคาอย่างแท้จริง ซึ่งผลที่ได้คือ เมื่อมีเคสร้องเรียนเรื่องราคาที่ไม่เป็นธรรมเข้ามา ทางสภาฯ ได้สอบถามไปที่กรมการค้าภายใน ก็ได้คำตอบเพียงว่า ทางโรงพยาบาลได้ให้จ่ายตามราคาที่เขาแจ้งไว้แล้ว

ดังนั้นการแจ้งราคาจึงไม่ได้เป็นการควบคุมราคา จึงอยากให้ทางกระทรวงฯ ช่วยควบคุมราคาให้ได้จริงในทางปฏิบัติด้วย

๐ จุดบอดสำคัญของนโยบาย

ค่ายาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลแพง เพราะจากงานวิจัยของสภาผู้บริโภคพบว่า ต้นตอที่แท้จริงของค่ารักษาพยาบาลที่แพงเกินจริงมาจาก “ค่าธรรมเนียมแพทย์” ซึ่งแนวทางของกระทรวงฯ ที่ประกาศออกมาไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้

อีกหนึ่งจุดท้าทายคือ แม้จะเป็นเรื่องดีที่มีนโยบายให้ผู้บริโภคไปซื้อยาจากข้างนอกได้ แต่ในกลุ่มที่เป็นผู้ป่วยในที่ไปซื้อยาข้างนอกไม่ได้จะทำอย่างไร อาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงเหมือนเดิม หากยังใช้เพียงการแจ้งราคาแทนการกำกับราคา

๐ ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาได้จริง

1) กรมการค้าภายในต้องใช้อำนาจของตัวเองให้ถูกที่ ต้องออกเกณฑ์กำกับราคา ควบคุมราคาอย่างแท้จริง

2) พูดคุยกับแพทยสภาเพื่อควบคุมค่าธรรมเนียมแพทย์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักที่พุ่งสูง

3) ตรวจสอบการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชนว่าเป็นไปตามที่กฎหมายระบุไว้หรือไม่ เช่น การแจ้งราคาก่อนเข้ารับการรักษา , การแจ้งทางเลือกให้ผู้บริโภคไปซื้อยาข้างนอกได้ เป็นต้น

4) คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ต้องมีสัดส่วนของผู้บริโภครวมอยู่ด้วย เพราะปัจจุบันมีเพียงหน่วยงานรัฐ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน – สมาคมร้านยา ทำให้ไม่มีเสียงจากฝั่งผู้บริโภค

5) เปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนที่เข้าถึงง่ายสำหรับผู้บริโภค

๐ บทสรุป

• ผู้บริโภคร้องเรียนค่ารักษาพยาบาลรพ.เอกชนแพงมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น

• เคสหนักสุดถูกเรียกเก็บบิลค่ารักษาพยาบาลเกือบ 30 ล้านบาท

• ค่ายาไม่ใช้สิ่งที่แพงที่สุด แต่คือค่าธรรมเนียมแพทย์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้กล่าวถึง

• กระทรวงฯ มีอำนาจควบคุมราคาอยู่แล้ว แต่อาจไม่ได้นำมาปฏิบัติจริง

• ต้องคุมค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ และค่าธรรมเนียมแพทย์ – มีฝั่งผู้บริโภคนั่งคณะกรรมการฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 68)