น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $3.29 รับข่าวทรัมป์คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซีย

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% ในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) หลังจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ซึ่งการดำเนินการของสหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทพลังงานในจีนและอินเดียต่างพากันพิจารณาลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.29 ดอลลาร์ หรือ 5.62% ปิดที่ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ หรือ 5.43% ปิดที่ 65.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็พุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ปีนี้ และปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทลูคอยล์ (Lukoil) และรอสเนฟต์ (Rosneft) สองบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระที่สอง โดยมีเป้าหมายที่จะกดดันให้รัสเซียทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน

ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัสเซียในการหารายได้สนับสนุนการทำสงครามในยูเครน และระบุว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมกับรัสเซียหากจำเป็น และได้เรียกร้องให้บรรดาประเทศพันธมิตรเข้าร่วมกับสหรัฐฯ และปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

รายงานระบุว่า บริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีนได้ระงับการซื้อน้ำมันของบริษัทลูคอยล์และรอสเนฟต์ที่ขนส่งทางทะเล หลังจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซียทั้งสองแห่งนี้ ซึ้งข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันให้พุ่งขึ้นอีก

นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้โรงกลั่นในจีนและอินเดียซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ต้องหันไปหาซัพพลายเออร์ทางเลือก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดออกจากระบบธนาคารของชาติตะวันตก

การดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลสหรัฐฯ มีขึ้นไม่นานหลังจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียครั้งที่ 19 ในวันพุธ (22 ต.ค.) ซึ่งรวมถึงการระงับนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ยังคงเดินหน้าทำสงครามในยูเครน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 68)