ชาวบ้านถูกใจโครงการคนละครึ่งมากสุด ชี้พรรคที่ใช้นโยบายประชานิยมได้เปรียบ

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “คนไทยกับนโยบายลดค่าครองชีพ” ที่ได้จากการสุ่ม กลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,216 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 21-24 ต.ค.68 โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เข้าร่วมโครงการของภาครัฐที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพ คือ คนละครึ่ง (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) 76.43% และเห็นว่าโครงการเหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องและลดภาระค่าครองชีพได้ 78.04% ซึ่งจากโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ โครงการที่ชอบมากที่สุด คือ คนละครึ่ง (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) 69.31% ในระยะยาวเพื่อลดภาระค่าครองชีพอยากให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม 61.92% ทั้งนี้หากมีการเลือกตั้งคิดว่าพรรคการเมืองที่มีนโยบายประชานิยมจะได้เปรียบ 67.43%

1.ประชาชนเข้าร่วมโครงการของภาครัฐใดบ้างที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพ

  • อันดับ 1 คนละครึ่ง (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) 76.43%
  • อันดับ 2 คนละครึ่งพลัส (รัฐบาลอนุทิน) 42.16%
  • อันดับ 3 เงิน 10,000 บาท (รัฐบาลเพื่อไทย) 33.61%
  • อันดับ 4 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 28.30%
  • อันดับ 5 เราเที่ยวด้วยกัน/เที่ยวไทยคนละครึ่ง 26.06%

2.ประชาชนคิดว่าโครงการเหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องและลดภาระค่าครองชีพได้หรือไม่

  • อันดับ 1 ช่วยได้ 78.04%
  • อันดับ 2 ช่วยไม่ได้ 21.96%

3.ประชาชนชอบโครงการใดมากที่สุด

  • อันดับ 1 คนละครึ่ง (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) 69.31%
  • อันดับ 2 เงิน 10,000 บาท (รัฐบาลเพื่อไทย) 33.03%
  • อันดับ 3 คนละครึ่งพลัส (รัฐบาลอนุทิน) 30.77%
  • อันดับ 4 เราเที่ยวด้วยกัน / เที่ยวไทยคนละครึ่ง 29.52%
  • อันดับ 5 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 18.31%

4.สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะยาวคืออะไร

  • อันดับ 1 ควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม 61.92%
  • อันดับ 2 เพิ่มมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย) 56.79%
  • อันดับ 3 ขยายโครงการคนละครึ่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 49.67%

5.หากมีการเลือกตั้ง ประชาชนคิดว่าพรรคการเมืองที่มีนโยบายประชานิยมจะมีความได้เปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่

  • อันดับ 1 ได้เปรียบ 67.43%
  • อันดับ 2 ไม่ได้เปรียบ 23.52%
  • อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 9.05%

น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากนโยบายช่วยเหลือต่าง ๆ ของหลายรัฐบาล พบว่าโครงการคนละครึ่งยังคงครองใจ เพราะใช้ง่าย เข้าถึงจริง และเห็นผลชัดในชีวิตประจำวัน แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้นแต่ช่วยสร้างความรู้สึกว่ารัฐอยู่เคียงข้างประชาชน ขณะเดียวกันการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในยุคที่ประชาชนคาดหวังทั้งความเร็วในการช่วยเหลือและความยั่งยืนของผลลัพธ์ไปพร้อมกัน

ขณะที่นายเขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาปากท้องในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพสูงมากขึ้น เป็นนโยบายที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหามากที่สุด โดยเฉพาะการที่รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชนให้มีกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคสินค้าและการบริการช่วยเหลือผู้ประกอบขนาดเล็กและร้านค้ารายย่อยให้มีรายได้พยุงกิจการให้ดำเนินต่อไปได้ เป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมามีความคึกคัก ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่ได้มีการริเริ่มในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคของประชาชนได้อย่างเห็นผลและโครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังดำเนินโครงการอยู่ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยและคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาด้วยการควบคุมราคาสินค้าให้มีความเหมาะสม โดยเข้าไปตรวจสอบและควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างเช่นราคาพลังงานน่าจะเป็นการลดปัญหาค่าครองชีพและทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพื่อการบริโภคได้อย่างต่อเนื่องมากกว่าการใช้นโยบายประชานิยมที่ทุ่มงบประมาณในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น ๆ ได้เป็นครั้งคราว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 68)