โตโยต้ายอดขายเม.ย.-ก.ย. เพิ่ม 4.7% ทำนิวไฮ แม้เผชิญภาษีทรัมป์

บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor Corp.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ (27 ต.ค.) ว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน เพิ่มขึ้น 4.7% แตะที่ 5,267,216 คัน ซึ่งเป็นสถิติครึ่งปีแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่แข็งแกร่งในอเมริกาเหนือและจีน แม้บริษัทจะเผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ

ด้านการผลิตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6% แตะระดับ 4,985,122 คัน ขณะที่การผลิตภายในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.4% แตะระดับ 1,585,622 คัน ซึ่งฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อื้อฉาวเกี่ยวกับการรับรองผลการทดสอบรถยนต์เมื่อปีที่แล้ว

เมื่อแบ่งตามภูมิภาคพบว่า ยอดขายในสหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้น 11.3% แตะระดับ 1,295,606 คัน เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่แข็งแกร่ง ขณะที่ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้น 5.5% แตะระดับ 914,342 คัน โดยได้ปัจจัยหนุนความต้องการรถยนต์ไฮบริดและรถ EV รุ่นใหม่ของบริษัท แต่ยอดขายในประเทศญี่ปุ่นลดลง 0.4% แตะที่ 713,967 คัน

ส่วนยอดขายทั่วโลกสำหรับเดือนก.ย. เดือนเดียว เพิ่มขึ้น 3.1% แตะระดับ 879,314 คัน เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 9 ส่วนการผลิตทั่วโลกในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 11.1% แตะระดับ 918,146 คัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดสำหรับเดือนก.ย.

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อย่างไรก็ดี การที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรของโตโยต้า โดยบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิในปีงบการเงินปัจจุบันที่สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2569 จะลดลง 44.2% แตะที่ระดับ 2.66 ล้านล้านเยน (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 68)