
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตอีกในเดือนธ.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ ปิดตลาดปรับตัวลงในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กในวันจันทร์ (27 ต.ค.)
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย.นี้ สมาชิกทั้ง 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย มีแนวโน้มที่จะประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. เนื่องจากซาอุดีอาระเบียพยายามผลักดันให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทวงคืนส่วนแบ่งตลาด
ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด แต่ในปีนี้ โอเปกพลัสได้เริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตเพื่อกลับมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีกครั้ง นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังเกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ได้เรียกร้องให้โอเปกเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันในตลาด
ในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา โอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. โดยโอเปกพลัสระบุในแถลงการณ์วันดังกล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีเสถียรภาพและปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันที่ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำนั้น สมาชิกทั้ง 8 ประเทศจึงได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 68)





