
รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้การอุปโภคบริโภคมีส่วนในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันก็จะยังคงให้ความสำคัญสูงสุดกับภาคเทคโนโลยีและการผลิต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนกำลังพยายามลดพึ่งพาการส่งออก หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากในปีนี้
เอกสารจากการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (28 ต.ค.) ระบุว่า จีนจะสร้างรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์และการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของจีนมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการบริโภคในหมู่ประชากรจำนวน 1.4 พันล้านคนภายในประเทศ ในช่วงเวลาที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพากันต่อต้านสินค้าราคาถูกของจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวระบุว่า รัฐบาลจีนจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการบริการสาธารณะ และมุ่งมั่นส่งเสริมการจ้างงาน ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปีซึ่งจะเริ่มในปี 2569 และในขณะเดียวกัน จีนจะรักษาการเติบโตด้านการลงทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยการลงทุนถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนอุปสงค์ภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนดัชนี CSI 300 ตลาดหุ้นจีนดีดตัวขึ้น 0.90% ในวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด
นักวิเคราะห์หลายรายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ต่างก็เรียกร้องให้จีนกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการปรับเพิ่มสัดส่วนของการบริโภคภาคครัวเรือนในตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ปัจจุบัน การบริโภคของภาคครัวเรือนจีนมีสัดส่วนเพียง 40% ของ GDP ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ระดับ 56% และยังตามหลังกลุ่มประเทศรายได้สูงที่มีสัดส่วนนี้สูงเกือบ 60%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)





