ลดราคารถไฟฟ้า “พิพัฒน์” ไม่ฟันธงจบใน 4 เดือน เหตุต้องดูสัญญา-ห่วงกระทบหนี้สาธารณะ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปรับค่าบริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายว่า วันนี้จะมีการหารือใน 2 ส่วน

โดยส่วนแรก คือ สายสีม่วง และสายสีแดง ที่จะครบสัญญาในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง เพื่อให้ทั้ง 2 หน่วยงานไปหารือร่วมกันว่าจะมีแนวทางอย่างไรหลังจากที่ครบกำหนดสัญญาในวันดังกล่าว

สำหรับค่าบริการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่มีราคาสูงอยู่ในขณะนี้ ก็จะหารือกันเพื่อมีข้อสรุปให้ได้ว่าการขึ้นรถไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งในส่วนกรุงเทพฯ และชานเมือง จะมีแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้โดยสารได้อย่างไร และจะสามารถดำเนินการได้ทันในช่วงการทำงานของรัฐบาล 4 เดือนนี้หรือไม่ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69

“กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง จะหารือ และพยายามทำให้ทัน แต่การที่จะทำให้ทัน หรือไม่ทัน ไม่ได้ขึ้นแค่ 2 กระทรวง ยังเกี่ยวเนื่องกับทางอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องดูสัญญา ถ้าหากให้คำตอบที่เร็ว ก็ทำได้ สามารถทำทันได้ แต่หากดูสัญญาไม่ทัน ทางกระทรวงคมนาคมจะหาวิธีว่าในช่วงรัฐบาลรักษาการ จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หรือจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงรักษาการได้หรือไม่ ซึ่งยังไม่สามารถให้คำตอบในตอนนี้ได้” นายพิพัฒน์ ระบุ

ส่วนแนวคิดที่จะใช้งบประมาณไปอุดหนุนการดำเนินงานของรถไฟฟ้าในส่วนที่มีปัญหาหรือไม่นั้น นายพิพัฒน์ ระบุว่า นโยบายของรัฐบาลคือการใช้ตั๋วร่วม ซึ่งต้องมีขั้นตอน เพราะขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีเฉพาะสีม่วง และสีแดง ส่วนสายอื่น ๆ เช่น ของ BEM หรือ BTS ก็ต้องไปเจรจากับเจ้าของสัมปทาน โดยจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังด้วยว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับหนี้สาธารณะ เพราะปัญหาที่ต้องกังวลคือเรื่องหนี้สาธารณะ เนื่องจากใกล้จะเต็มเพดาน 70% แล้ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)