
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยในวันที่ 5 พ.ย.นี้ จะเรียกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลรวม 5 จังหวัด มาร่วมหารือถึงแนวทางดูแลและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นประเด็นเร่งด่วนในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่จะมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ จะเริ่มหารือกับผู้ว่าฯ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัดก่อน หลังจากนั้นจะขยายวงออกไป เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง
“ผู้ว่าฯ ต้องปรับนโยบายมาดูแลคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนให้มากขึ้น งบประมาณที่มีก็เลิกเอาไปสร้างถนนหนทาง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่น” นายสุชาติ กล่าว
สำหรับต้นเหตุของปัญหาที่มีจากการเผาตอซังข้าว และอ้อยนั้น จะต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกร เนื่องจากเป็นภาระต้นทุน เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อลดการเผา ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวหลังเกิดปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันในปีนี้มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
“ผมได้หารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ำตาล เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา” นายสุชาติ กล่าว
ส่วนความกังวลเรื่องแรร์เอิร์ธนั้น ตนคิดว่าไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากผลสำรวจพบว่าเรามีปริมาณแร่ดังกล่าวน้อยมากเพียง 0.1% ของจีน ซึ่งไม่มีความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ จึงไม่เหมาะกับการลงทุน นอกจากนี้การทำเหมืองแร่ดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบต่อภาคประชาสังคม เพราะหากกระทบสิ่งแวดล้อมก็ทำไม่ได้
“สิ่งที่ผมพูดอาจถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ ประเทศไทยมี MOU เป็นล้านฉบับ แต่ไม่มีข้อผูกพัน” นายสุชาติ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)





