
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. มีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนด 2 มาตรการบังคับใช้กับผู้รับใบอนุญาตโทรคมนาคม ได้แก่
- ผู้รับใบอนุญาตที่ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศต้องไม่นำหมายเลข IP Address ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยไปให้บริการในต่างประเทศ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงหมายเลข IP Address ของอุปกรณ์สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้รับใบอนุญาต และให้กำหนดมาตรการดังกล่าวเป็นเงื่อนไขการอนุญาตเพิ่มเติมเฉพาะรายบริการของผู้ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
- ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการกรณีที่มีการใช้บริการอยู่ย้อนหลังไม่น้อยกว่า 180 วัน ตลอดเวลาที่ใช้บริการ
ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยผู้รับใบอนุญาตต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินคดีเท่านั้น
กรณีการให้บริการโทรคมนาคมสิ้นสุดลงผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตามวรรคหนึ่งไว้ไม่น้อยกว่า 180 วัน นับแต่วันสิ้นสุดสัญญา
ทั้งนี้ การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง เฉพาะข้อมูลของผู้ใช้บริการที่จำเป็นต่อการดำเนินคดีความผิดตามกฎหมาย โดยให้สำนักงาน กสทช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้ให้บริการร่วมกันกำหนดข้อมูลสำหรับที่ต้องเก็บรักษา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)





