
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.37 บาท/ดอลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.31 บาท/ดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก และค่าเงินในภูมิภาค หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ประธานเฟดยังไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในการประชุมครั้งต่อไป ส่งผลให้ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ตลาดรอดู เป็นความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) โดยเมื่อ
วานนี้ (29 ต.ค.) ไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร 2.4 หมื่นล้านบาท
“บาทปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาค และตลาดโลก รอดูความต่อเนื่องของ Flow ที่ไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร” นักบริหารเงินกล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.30 – 32.50 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 152.55 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 152.22 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1613 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1640 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.324 บาท/ดอลลาร์
- “ธปท.-สหรัฐ” เดินหน้าร่วมมือความโปร่งใส “ไม่บิดเบือนค่าเงินบาท” เพื่อให้ได้เปรียบทางการค้า ด้านบาทแข็งค่าตามแรงดอลลาร์อ่อน ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดเฉียด 3 แสนล้านดอลลาร์ “นักเศรษฐศาสตร์” ชี้การแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจากแรงภายนอก
- รัฐบาลยืนยันเดินหน้า “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดสิทธิให้ ผู้ที่ตกหล่นจากรอบแรกก่อน เน้นใช้งบประมาณเดิมไม่ก่อหนี้เพิ่ม ควบคู่วินัยการคลัง เผยยอดวันแรกคึกคัก คนแห่ใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสตั้งแต่เช้า หนุนยอดใช้จ่ายแตะหลายร้อยล้านในไม่กี่ชั่วโมง ผู้ใช้สิทธินับล้านราย ร้านค้าร่วมโครงการนับแสนราย
- “เงินลงทุนต่างชาติ” ไหลเข้าสู่ “ตลาดตราสารหนี้ไทย” 4 วันต่อเนื่อง มูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท ในวันเดียว “ไทยบีเอ็มเอ” ระบุรุ่นประมูล LB353A ที่ถูกซื้อเกือบหมดตู้ เหตุแรงขายจากนักลงทุนไทยช่วงก่อนหน้า ดันราคาน่าลงทุน “กรุงไทย” ชี้บอนด์ยีลด์ ระยะยาวยังมีแรงดึงดูด หาก “แบงก์ชาติ” ลดดอกเบี้ยต่ออีก 1-2 ครั้ง และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สูงเกิน 1.70% คาดทยอยกลับเข้าซื้อเพิ่ม
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติ 10-2 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) ตามการคาดการณ์ของตลาด นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว เฟดยังประกาศว่าจะยุติการลดขนาดงบดุล หรือยุติการใช้นโยบายคุมเข้มเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening: QT) ในวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งการยุตินโยบาย QT จะถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (29 ต.ค.) โดยกล่าวว่า คณะกรรมการ FOMC มีมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการดำเนินการครั้งต่อไปของเฟด ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าวของพาวเวล นักลงทุนให้น้ำหนัก 71% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงจากที่เคยให้น้ำหนักสูงถึง 90% ก่อนหน้านี้
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ ระบุว่า เขาเตรียมพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันนี้ โดยคาดว่าการเจรจาจะเป็นไปอย่างราบรื่น
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (29 ต.ค.) ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงมติการประชุม โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะประกาศผลการประชุมนโยบายการเงิน
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (29 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมล่าสุดตามคาด แต่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนธ.ค.นั้น ยังไม่แน่นอน
- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ อาทิ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ด้านอียูเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/68 (ประมาณการเบื้องต้น), อัตราว่างงานเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ส่วนสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/68 (ประมาณการเบื้องต้น)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)





