เงินบาทเปิด 32.55 อ่อนค่าตามภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 32.45 – 32.65

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.55 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้เคลื่อนไหวตามทิศทางค่าเงินในภูมิภาค และตลาดโลก เนื่องจากตลาดยังไม่มั่นใจเรื่องแนวโน้มการปรับลด อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมครั้งต่อไปจากการส่งสัญญาณของประธานเฟด และที่ยังไม่มีการประกาศตัว เลขเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนลดลง

สำหรับปัจจัยในประเทศนั้น ตลาดให้ความมั่นใจต่อการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งโครงการคนละครึ่งพลัส การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน

“บาทปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาค และทิศทางตลาดโลก หลังตลาดไม่มั่นใจเรื่องเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อ ไป” นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.45 – 32.65 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.36 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 154.12 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1504 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.410 บาท/ดอลลาร์
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (3 พ.ย.) ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้ โดยล่าสุดนักลงทุนได้ ลดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธ.ค.
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (3 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิด เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ จากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับ ลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้
  • เอสแอนด์พี โกลบอล เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.5 ในเดือนต. ค. จากระดับ 52.0 ในเดือนก.ย.โดยดัชนีปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 และขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แล้ว 
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4 จากระดับ 49.1 ในเดือนก.ย.โดยดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 และ หดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
  • ศาลฎีกาสหรัฐฯ นัดไต่สวนกรณีมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ใน วันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) หลังศาลอุทธรณ์มี คำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของเขา โดยระบุว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกิน ขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 2520
  • การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 34 เมื่อวานนี้ ท่ามกลางความหวังริบหรี่ที่จะเห็นวุฒิสภา สหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
  • รัสเซียส่งคณะผู้แทนชุดใหญ่ไปยังจีน เพื่อเจรจาและทำข้อตกลงทวิภาคี โดยแสดงท่าทีกระตือรือร้นที่จะย้ำความสัมพันธ์ที่แน่น แฟ้นกับจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • ข้อมูลและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต. ค.จาก S&P Global, สหรัฐฯ เปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 68)