
นิปปอน สตีล (Nippon Steel) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ (5 พ.ย.) ว่า บริษัทคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักรายการพิเศษสำหรับปีงบการเงินปัจจุบันจะลดลง 14% ทว่าตัวเลขดังกล่าวไม่ได้รวมแนวโน้มผลประกอบการของยูเอส สตีล (U.S. Steel) เข้าไว้ด้วย เนื่องจากความท้าทายอย่างมีนัยสำคัญในตลาดสหรัฐฯ
ผู้ผลิตเหล็กกล้าสัญชาติญี่ปุ่นรายนี้คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานหลัก หรือกำไรที่ปรับปรุงด้วยรายการพิเศษแล้ว จะอยู่ที่ 6.8 แสนล้านเยน (4.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับปีงบการเงินที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. ลดลงจากระดับ 7.937 แสนล้านเยนของปีก่อนหน้า
นิปปอน สตีล ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อกิจการของ ยูเอส สตีล เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยข้อตกลงมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้ชี้แจงเหตุผลที่ไม่นับรวมผลประกอบการของยูเอส สตีล ไว้ในการคาดการณ์สำหรับปีงบการเงินนี้ โดยอ้างการชะลอตัวอย่างรุนแรงของตลาดเหล็กกล้าในสหรัฐฯ ต้นทุนที่สูงขึ้นฉับพลันอันเนื่องมาจากปัญหาของโรงงานและปัจจัยอื่น ๆ ประกอบกับสภาวะความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูงของตลาดสหรัฐฯ
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากบริษัทรายงานผลขาดทุนในช่วง 6 เดือนสิ้นสุดเดือนก.ย. เป็นจำนวนเงิน 1.134 แสนล้านเยน สวนทางกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไร 2.434 แสนล้านเยน
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าจะรายงานผลขาดทุนตลอดทั้งปีงบการเงินที่ 6 หมื่นล้านเยน (398 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งย่ำแย่กว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ถึง 50% เนื่องจากบริษัทจะบันทึกผลขาดทุน 2.1 หมื่นล้านเยนจากการขายหุ้นในบริษัทอูซิมินาส (Usiminas) ผู้ผลิตเหล็กกล้าในบราซิล
ทั้งนี้ นิปปอน สตีล ระบุในเอกสารนำเสนอผลประกอบการว่า หุ้นส่วนน้อยในอูซิมินาสจะถูกโอนให้แก่ผู้ถือหุ้นรายอื่นอย่างเทอร์เนียม (Ternium) เนื่องจากบริษัทมีแผนจะหันไปมุ่งเน้นการลงทุนในภูมิภาคที่เป็นตลาดสำคัญแทน ได้แก่ สหรัฐฯ อินเดีย และไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)





