ปิดช่องโหว่!! “เอกนิติ” ถกวางกรอบพิสูจน์เงินเทา ตั้ง Data Bureau ตรวจสอบนอมินี-พฤติกรรมต้องสงสัย

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินเพื่อยกระดับการติดตามตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย ครั้งที่ 1/2568 (เงินเทา) ว่า ได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงกรอบแนวทางเกี่ยวกับช่องทางการเงินที่อาจจะเป็นพฤติกรรมต้องสงสัย ได้แก่ คริปโทเคอร์เรนซี เงินสด ธุรกิจการรับแลกเปลี่ยนเงิน (Money Changer) และตลาดทองคำ หากมีพฤติกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยเข้ามาในช่องทางดังกล่าวจะมีหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบทันที เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าธุรกรรมการเงินที่ไหลเข้ามาผ่านช่องทางดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพฤติกรรมการฟอกเงิน เช่น การฟอกเงินผ่านการซื้อทองคำ ผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ผ่านการซื้อรถยนต์หรู และผ่านการซื้อเพชร เป็นต้น ดังนั้นหากพบว่ามีธุรกรรมการเงินต้องสงสัยผ่านช่องทางดังกล่าวหน่วยงานที่กำกับดูแลจะใช้ข้อกฎหมายเข้าไปตรวจสอบทันที

โดยที่ประชุมฯ ได้มีการตั้งคณะทำงาน Data Bureau ซึ่งมีหน้าที่ในการเชื่อมโยงข้อมูล และข้อกฎหมายระหว่างทุกหน่วยงานมารวมกันเพื่อใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินต้องสงสัยโดยไม่ต้องแยกให้แต่ละหน่วยงานดูข้อมูลของตัวเอง โดย Data Bureau จะดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การพิสูจน์ตัวตนว่าเป็นใคร บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล เป็นนอมินีหรือไม่ 2.พฤติกรรมต้องสงสัย เช่น แจ้งว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย แต่มีเงินไหลเข้าออกมาก หรือแจ้งเป็นนักธุรกิจเข้ามาทำธุรกิจโรงแรม แต่มีเงินไหลเข้าออกผิดปกติ และ 3.ตรวจสอบเรื่องการไหลเข้าออกของเงิน

“ครั้งนี้เราไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะกรณี แต่เราจะแก้ทั้งระบบ โดยจะยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลพฤติกรรมการเงินต้องสงสัยทั้งหมด โดยจะมีการใช้เคสตัวอย่างจากดีอี หรือกระทรวงยุติธรรมมาลองดูว่าเคสตัวอย่างนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานไหน บริษัทเป็นใคร นอมินีหรือไม่ มีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือไม่ มีเงินไหลเข้าออกอย่างไร ส่วนเรื่องทองคำที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้กฎหมายไหนในการกำกับดูแล” นายเอกนิติ กล่าว

นอกจากนี้ดีอีอยู่ระหว่างการเร่งจัดทำกฎหมายเพื่อปิดช่องโหว่ในธุรกรรมที่อาจจะยังไม่มีกฎหมายครอบคลุมไปถึง หรือมีกฎหมายกำกับดูแลชัดเจน โดยเฉพาะทองคำ เนื่องจากปัจจุบันมีพฤติกรรมต้องสงสัยที่เกิดขึ้นจากทองคำค่อนข้างมาก โดยจะมีการเอาข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ มาเติมแต่งเพื่อให้มีความครอบคลุมมากที่สุด

นายเอกนิติ ยืนยันว่า คณะทำงาน Data Bureau ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย จะเร่งไปหารือในรายละเอียดทั้งหมด และกลับมารายงานภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานในการยกระดับการติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องสงสัย โดยเป้าหมายแรกคือ อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบการกำกับดูแลทางการเงินที่ได้มาตรฐานสากล โดยเฉพาะ FATF และยืนยันว่าทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.68

“ภายในเดือน ธ.ค.ทุกอย่างจะต้องเสร็จ จะต้องได้ระบบที่จะกำกับดูแลธุรกรรมการเงินต้องสงสัยของไทยที่มีมาตรฐานหรือดีกว่ามาตรฐานสากล” นายเอกนิติ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)