กัมพูชาปัดข้อกล่าวหาไทย ยันไม่ได้ลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ตามแนวชายแดน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยที่ว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ตามแนวชายแดน โดยชี้แจงว่าทุ่นระเบิดส่วนใหญ่เป็นของเก่าจากสมัยสงครามกลางเมืองที่ยังเก็บกู้ไม่หมด และยังได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของไทยที่ระงับปฏิญญาสันติภาพร่วม (Joint Declaration) หลังจากมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด

แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันจันทร์ (10 พ.ย.) ระบุว่า “รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาของไทยที่ว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่บริเวณชายแดนติดกับประเทศไทย”

ในแถลงการณ์ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า พื้นที่ทุ่นระเบิดส่วนใหญ่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นผลมาจากสงครามกลางเมืองที่ยาวนานเกือบสามสิบปี และยังไม่ได้รับการเก็บกู้ให้หมดไป เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เข้าถึงยาก และพื้นที่ชายแดนยังไม่ได้ปักปันเขตแดน

รัฐบาลกัมพูชายังแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของไทยที่ระงับปฏิญญาสันติภาพร่วม และยืนยันว่า “กัมพูชายังคงยึดมั่นที่จะดำเนินการตามปฏิญญาร่วม”

ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมแถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้เรียกประชุมด่วนหลังจากวานนี้ (10 พ.ย.) เกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนข้อเท้าขาดขณะลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษว่า ที่ประชุมพิจารณา 3 เรื่องหลัก คือ 1. การสูญเสียของกำลังพลของกองทัพไทย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะยอมรับไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียในครั้งนี้ 2. การที่ยังคงมีกับระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ถือว่ามีผลกระทบต่ออธิปไตย และ 3. รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตย ตลอดจนชีวิตของคนไทยและทหารไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ฝ่ายไทยตัดสินใจที่จะระงับการปฏิบัติตาม Joint Declaration ระหว่างไทย-กัมพูชาทั้งหมดไว้ก่อน รวมทั้งยุติการส่งเชลยศึกทั้ง 18 คนคืนกลับประเทศกัมพูชา

รมว.กลาโหมกล่าวถึงการปฏิบัติการทางทหารในช่วงต่อจากนี้ว่า ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสมช. ให้กองทัพดำเนินการได้ตามสถานการณ์ ซึ่งในปฏิบัติการทางทหารจะมีกฎระเบียบในการใช้กำลังปฏิบัติอยู่แล้ว จึงไม่ขอลงในรายละเอียด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 68)