
โตเกียว โชโก รีเสิร์ช (Tokyo Shoko Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยสินเชื่อ เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 965 แห่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีสำหรับเดือนต.ค. อันเป็นผลมาจากภาวะขาดแคลนแรงงานและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันเมื่อเทียบรายปี และเป็นตัวเลขรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2567 โดยบริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่ถึง 10 คน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 90% ของบริษัทล้มละลายทั้งหมด
ผลสำรวจชี้ว่า บริษัท 85 แห่งล้มละลายเพราะต้นทุนพุ่งสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหาร ผู้ผลิตอาหาร และผู้ค้าปลีก เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
บริษัท 37 แห่งล้มละลายเพราะขาดแคลนแรงงาน ขณะที่บริษัท 22 แห่งล้มละลายเพราะประสบปัญหาการเงินจากต้นทุนบุคลากรที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งบริษัทกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน
เจ้าหน้าที่จากโตเกียว โชโก รีเสิร์ช กล่าวว่า บริษัทที่ไม่สามารถส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังราคาสินค้าได้ ต่างประสบความยากลำบากในการบริหารจัดการ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจำนวนบริษัทล้มละลายตลอดทั้งปีอาจสูงถึง 10,000 แห่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี ตัวเลขหนี้สินรวมของบริษัทที่ล้มละลายปรับตัวลดลง 49.6% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1.275 แสนล้านเยน (827 ล้านดอลลาร์) ในเดือนต.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 68)





