
สถาบันเพื่อพัฒนาการจัดการนานาชาติ (IMD) จากสวิตเซอร์แลนด์ เผยแพร่ดัชนีความพร้อมด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Maturity Index ประจำปี 2568 ปรากฏว่า NVIDIA ครองอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Microsoft และ Alphabet ในอันดับสองและสาม โดยผลการจัดอันดับเน้นย้ำให้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย AI และสามารถขยายการใช้งาน AI ทั่วทั้งองค์กร
การจัดอันดับ AI Maturity Index ประจำปี 2568 ประเมินจากความสามารถของบริษัทชั้นนำ 300 แห่งของโลกในการนำ AI มาใช้ปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์กร ครอบคลุมในห้ามิติสำคัญ ได้แก่ การสนับสนุนจากผู้บริหาร การลงทุนด้านเทคโนโลยี การบูรณาการในการปฏิบัติงาน การพัฒนาบุคลากร และจริยธรรม
ศาสตราจารย์ไมเคิล เวด ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และดิจิทัลที่ IMD และผู้อำนวยการศูนย์ TONOMUS Global Center for Digital and AI Transformation ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พัฒนาดัชนี กล่าวว่า ดัชนีประจำปีนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้นำทางธุรกิจไม่ได้ใช้ AI เพียงเพื่อการทดลองอีกต่อไป แต่กำลังขยายการใช้งานไปทั่วทั้งองค์กร
ผลการศึกษาของ IMD ชี้ให้เห็นว่า บริษัทที่มีความพร้อมด้าน AI มากกว่ามีประสิทธิภาพด้านรายได้ที่เหนือกว่า โดยบริษัท 100 อันดับแรกมีการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบเป็นรายปีเฉลี่ย 6.79% ขณะที่บริษัทใน 100 อันดับสุดท้ายมีรายได้ลดลงเฉลี่ย -0.51%
นอกจากนี้ รายงานยังนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจว่า แม้บริษัทเทคโนโลยีจะกวาดอันดับต้น ๆ ไปครอง แต่ใน 100 อันดับแรกมีบริษัทด้านการเงินติดอันดับมากถึง 32 บริษัท ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงอิทธิพลในวงกว้างของ AI ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น บริการสุขภาพ เภสัชกรรม ยานยนต์ และการผลิต แสดงให้เห็นถึงการนำ AI มาใช้ในระดับสูงเช่นกัน อาทิ Johnson & Johnson, Roche, Volkswagen และ Siemens ที่ประยุกต์ใช้ AI ในทุกด้าน ตั้งแต่การผ่าตัดและการค้นคว้ายา ไปจนถึงการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และระบบอัตโนมัติ
“ปี 2568 คือปีที่ AI ย้ายจากการทดลองไปสู่แพลตฟอร์ม … อนาคตเป็นของบริษัทที่เชื่อมั่น กำกับดูแล และสามารถขยายการใช้ AI ได้จริง ไม่ใช่แค่พูด” เวดกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 68)





