
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบในวันนี้ (14 พ.ย.) หลังจากที่ซื้อขายค่อนข้างสดใสมาตลอดทั้งสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก รวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ออกมาค่อนข้างอ่อนแอ
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 578.74 จุด ลดลง 1.93 จุด หรือ -0.33%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ระดับ 8,186.14 จุด ลดลง 46.35 จุด หรือ -0.56% และ
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดที่ระดับ 23,977.72 จุด ลดลง 63.9 จุด หรือ -0.27%
นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ไม่กี่วันมานี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความลังเลที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานค่อนข้างมีเสถียรภาพหลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 47% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 70% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแอลงมากกว่าคาด โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 6.5% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5%
ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนต.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 3% และเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเดือนที่ 5 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8%
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. ที่ลดลงเพียง 0.5% และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจลดลง 0.8%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 68)





